นายกำธร ไวทยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
จากความกังวลว่าด้วยมาตรา 46 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ที่กำหนดให้สิทธิการใช้คลื่นความถี่เป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นบริหารจัดการแทนได้ ดังนั้น ทีโอทีจึงได้เตรียมแผนรองรับการทำธุรกิจ 3 จี โดยจะเปลี่ยนจากการให้เอกชนเช่าใช้โครงข่ายและขายต่อบริการ (เอ็มวีเอ็นโอ) เป็นการให้เอกชนขายปลีกซิม 3 จีภายใต้แบรนด์ทีโอทีแทน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทีโอทียังอยู่ระหว่างการจ้างที่ปรึกษาเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสม จะเสร็จในไตรมาสแรกปี 2554
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม กล่าวว่า ต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตีความเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าไม่ต้องการให้เกิดเอ็มวีเอ็นโอ หรือเป็นความต้องการไม่ให้เกิดการผ่องถ่ายคลื่นความถี่
กรณีของบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ ฮัทช์ ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) น่าจะเข้าข่ายมาตรา 46 ที่ชัดเจนกว่า เพราะปัจจุบัน กสท ให้บริษัท บีเอฟเคที สร้างโครงข่ายซีดีเอ็มเอ ด้วยการใช้ความถี่ย่าน 800 เมกะเฮิร์ตซ์ของ กสท เอง ดังนั้น การให้กลุ่มทรูมาซื้อฮัทช์แทน กสท จะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายมากขึ้น เพราะสัญญาฮัทช์ดั้งเดิมส่อว่าอาจจะผิดกฎหมายอยู่แล้ว
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการร่วม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กสทช. กล่าวว่า
ได้มีการทักท้วงมาตรานี้ในขั้นตอนวุฒิสภานั้นสามารถแก้ได้ แต่ ส.ว.ก็ไม่ได้แก้ จึงกลายเป็นอุปสรรคอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลจะเสนอที่ประชุมสภาเพื่อขอแก้กฎหมายมาตราดังกล่าว จะใช้เวลาไม่นานมาก และจะไม่กระทบกับการสรรหา กสทช. คาดว่าปลายปี 2555 จะสามารถเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีได้อย่างแน่นอน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
