เรืองไกรยื่น กกต.สอบนายกฯ-กษิตรับค่าบรรยายงาน ป.ป.ช.


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอลบการจัดเก็บรายได้
 
การใช้จ่ายเงินแผ่นดินและการบริหารจัดการทรัพย์สินของแผ่นดิน ในคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน วุฒิสภา กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบไต่สวนความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงการต่างประเทศ ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) หรือไม่ ทั้งนี้กรณีการกระทำอันต้องห้ามตามมาตรา 267 ด้วยการรับเป็นวิทยากรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)


นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า กรรมาธิการฯ พบข้อมูลที่ควรส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ กรณี ป.ป.ช.ได้ส่งรายละเอียดการสัมมนาให้หลักสูตรผู้บริหาระดับสูงมาให้ โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร ในหัวข้อบทบาทผู้นำการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกลไกการแก้ไขปัญหาของไทยและมุมมองระดับสากล เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2553 โดยบรรยายเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ได้รับค่าสมนาคุณวิทยากร 5,000 บาท ต่อมาอีก 1 เดือน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ไปบรรยายในหัวข้อ กลไกและมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสากล เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2553 โดยนายกษิตได้บรรยายเป็นเวลา 3 ชั่วโมงได้รับค่าสมนาคุณวิทยากรชั่วโมงละ 2,000 บาท

กรณีดังกล่าวทำให้นึกย้อนถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการเป็นลูกจ้างของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญให้ความหมายคำว่า"ลูกจ้าง"ไว้ ประกอบกับตามกฎหมายภาษีสรรพากร เงินได้จากการเป็นวิทยากรถือเป็นเงินได้จากการรับจ้างทำของตามมาตรา 40 (2) ขณะที่ระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2549 ให้ความหมายของ "วิทยากร" ไว้ด้วย กรรมาธิการเห็นว่ากรณีนี้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของ กกต.ที่จะตรวจสอบ การเป็นลูกจ้างของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเข้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์