นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ว่ามีการจัดอันดับ 10 ธุรกิจเด่นในปี 2554 ได้แก่
1. ธุรกิจบริการทางการแพทย์และยา ผลจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศและธรรมชาติ คนไทยและต่างชาติหันมาสนใจด้านสุขภาพมากขึ้น
2.สถานีบริการและจำหน่าย LPG และ NGV เพราะราคายังต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
3.สถาบันการเงิน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก
4.กระดาษและสิ่งพิมพ์ เพราะมีเม็ดเงินจากการจัดการเลือกตั้งและโครงการต่างๆ ของภาครัฐ
5.เคมีภัณฑ์ เติบโตตามการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมและยานยนต์ และอานิสงส์จากบาทแข็ง
6.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ความต้องการเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าของประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น
7.พลังงานทดแทน จากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและการรณรงค์ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 85
8.ยานยนต์ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การลดภาษีสำหรับรถยนต์นั่งที่ใช้พลังงานทดแทน ราคาพืชผลดี และธุรกิจการศึกษา ประชาชนเห็นความสำคัญของการศึกษาเพิ่มขึ้นและความต้องการงานวิจัยและวิชาการระดับสูงมากขึ้น
9. ยางพาราและผลิตภันฑ์ยาง เพราะแนวโน้มราคาสูงขึ้นจากความต้องการมากขึ้น
10.ธุรกิจการเกษตร ความต้องการสูงขึ้นและต้นทุนนอกประเทศแพงทำให้ราคาต้องสูงตาม และธุรกิจร้านทอง อานิสงส์จากค่าบาทแข็งและการเก็งกำไรจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
สำหรับ 10 ธุรกิจดาวร่วงปี 2554 ซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำและการอิ่มตัวของธุรกิจหลังจากที่มีแข่งขันเพิ่มจำนวนในอดีต ได้แก่ สิ่งทอ สถานบันเทิงขนาดเล็ก เครื่องหนัง อาคารสำนักงาน บ้าน โรงงานทอผ้า เฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมฟอกย้อม คอนโดมิเนียมที่ไม่มีอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน ของเล่นเด็ก ร้านค้าดั้งเดิม (โชห่วย) รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก ขณะที่มี 4 ธุรกิจที่โดดเด่นเป็นช่วงเวลา ได้แก่ โรงรับจำนำ ประกันภัยและประกันชีวิต เช่าซื้อ ธุรกิจขายหวยและสลากกินแบ่งรัฐบาล
ทั้งนี้ เป็นการประเมินจากการสำรวจนักธุรกิจ 400 ตัวอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 50-60% เห็นว่า ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น แม้จะมีผลกระทบจากต้นทุนสูง และยังไม่ลดการจ้างแรงงาน ซึ่งปัจจัยกระทบต่อธุรกิจมากคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การขึ้นค่าแรงงาน ค่าบาทแข็ง โดยยังไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาล คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2554 จะขยายตัวเกิน 4% ถึง 53%