ศาลแพ่งนัดสืบพยานคดีเดอะบีช

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ศาลแพ่ง ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่นายสมศักดิ์ กิติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กับพวกรวม 19 คนร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปองพล อดิเรกสาร รมว.เกษตรและสหกรณ์ (ขณะฟ้องเมื่อปี 2542) กรมป่าไม้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้(ขณะฟ้องเมื่อปี 2542)

บริษัทแซนต้า อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม โปรดักชั่น จำกัด และบริษัท ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "เดอะบีช" เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิด ขอให้ระงับการกระทำของจำเลยในการถ่ายภาพยนตร์ที่เริ่มถ่ายทำเมื่อปี 2541 เพิกถอนคำสั่งทางปกครองของรัฐมนตรีและอธิบดีกรมป่าไม้

ซึ่งอนุญาตให้เอกชนเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ในอุทยานแห่งชาติพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามมูลค่าหลักประกันในหนังสือค้ำประกันของธนาคารที่บริษัทใช้เป็นหลักประกันเพื่อดำเนินการฟื้นฟูอุทยานแห่งชาติ

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2542 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาสั่งดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2545 ให้จำเลยที่ 4 และ 5 ร่วมกันฟื้นฟูสภาพอ่าวมาหยาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นความเสียหายของอ่าวมาหยาใหม่

ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าประเด็นที่โจทก์ยื่นฎีกาพิพากษาให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-3 เนื่องจากคำสั่งทางปกครองดังกล่าวมีผลสิ้นสุดลงเมื่อการถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

ให้จำเลยที่ 4-5 ร่วมกันฟื้นฟูสภาพอ่าวมาหยาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นความเสียหายของอ่าวมาหยาใหม่ ทั้งนี้ ศาลแพ่งสอบถามโจทก์ ทนายโจทก์ และผู้แทนซึ่งรับมอบอำนาจจากจำเลยที่มาฟังคำพิพากษาแล้ว มีคำสั่งนัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันสืบพยานและยื่นบัญชีพยานในวันที่ 17 ม.ค. 2550