เอแบคโพลเผยความสุขของคนไทยวันพ่อแห่งชาติพุ่ง8.37เต็ม10 พร้อมใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และนักศึกษาด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ ประจำสถาบันคอร์เนลล์เพื่อภารกิจของรัฐ (Cornell Institute for Public Affairs) มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความสุขของคนไทยในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช 2553 กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,542 ตัวอย่าง โดยดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน- 4 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา พบว่า


ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.7 อยู่บ้านติดตามการถ่ายทอดสดพระราชพิธีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในขณะที่ร้อยละ 14.3 ไม่ได้ติดตามชมรายการสด


เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนควรจะน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงไปปฏิบัติ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 89.2 ระบุการใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง ร้อยละ 87.5 ช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ร้อยละ 86.4 มีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้ผิดรู้ชอบ ร้อยละ 85.7 ตั้งจิตตั้งใจทำความดีเพื่อตนเองและสังคม และร้อยละ 83.2 มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง


เมื่อถามถึงการได้เจอ/พูดคุยกับพ่อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 48.9 ระบุได้เจอ/พูดคุยกับพ่อทุกวัน ร้อยละ 14.1 อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ร้อยละ 8.7 อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ร้อยละ 5.3 เดือนละ 2-4 ครั้ง และร้อยละ 23.0 เดือนละ 1 ครั้ง/น้อยกว่าเดือนละครั้ง


สำหรับกิจกรรมที่ทำร่วมกัน พบว่า เพียงร้อยละ 35.2 เท่านั้นที่ทานข้าวร่วมกัน ร้อยละ 27.2 ดูข่าว ดูละครร่วมกัน ร้อยละ 23.3 พูดคุยกันเรื่องส่วนตัว ร้อยละ 7.8 ช็อปปิ้งร่วมกัน ร้อยละ 7.2 ท่องเที่ยวด้วยกัน ร้อยละ 7.1 ชมภาพยนตร์ด้วยกัน และร้อยละ 4.1 ออกกำลังกายร่วมกัน


นอกจากนี้สิ่งที่ "ผู้เป็นลูก" ตั้งใจจะทำให้ พ่อ ในวันพ่อที่จะมาถึงนี้ พบว่า ร้อยละ 45.6 จะอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน ร้อยละ 40.1 ไปทำบุญตักบาตร ร้อยละ 35.2 ให้ของขวัญ การ์ด ดอกไม้ และรองๆ ลงไปคือ ทานข้าวนอกบ้านกับพ่อ ให้เงินพ่อ ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว พาพ่อไปพักผ่อน ทำบุญอุทิศส่วนกุศล พาพ่อไปเที่ยว ไปตรวจสุขภาพ และโทรศัพท์หาพ่อ ตามลำดับ


และสิ่งที่ “ผู้เป็นลูก” อยากขอบคุณ “ผู้เป็นพ่อ” พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 48.3 ขอบคุณพ่อที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ร้อยละ 42.0 ขอบคุณที่เลี้ยงดูให้เติบโตเป็นคนดีของสังคม ร้อยละ 37.2 ขอบคุณที่พ่อให้อนาคตที่ดี ให้การศึกษา รองๆ ลงไปคือ ขอบคุณที่พ่อดูแลแม่และครอบครัวเป็นอย่างดี ขอบคุณที่พ่อเข้าใจและให้อภัยในสิ่งที่ลูกเคยทำผิดพลาดไป ขอบคุณที่ไม่ทอดทิ้ง และให้ชีวิต ให้กำเนิด และขอบคุณที่พ่อรักลูกเท่าๆ กัน ไม่นอกใจแม่ มีเวลาให้และเชื่อใจลูก ตามลำดับ


ที่น่าเป็นห่วงคือ 5 อันดับแรก กลุ่มคนที่ต้องปรับปรุงภาพลักษณ์เรื่องภายในครอบครัว พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 79.2 ระบุเป็นกลุ่มดารานักแสดง เพราะมีแต่เรื่องชู้สาว เรื่องมือที่สาม เรื่องบุตรที่หาคนเป็นพ่อไม่ได้ มีครรภ์ก่อนแต่งงาน มีปัญหาการยอมรับไม่ยอมรับของพ่อแม่ฝ่ายชายฝ่ายหญิง และการแย่งสามี ภรรยากัน เป็นต้น ในขณะที่รองลงมาคือร้อยละ 70.5 ระบุเป็นกลุ่มข้าราชการ โดยมีเหตุผลคล้ายกัน แต่ที่เด่นในปัญหาครอบครัวของกลุ่มข้าราชการคือ เรื่อง ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา การนอกใจภรรยาและสามีของตนเอง และการข่มขืน การคุกคามทางเพศระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน เป็นต้น และอันดับสามที่มีเหตุผลไม่แตกต่างกันคือ ร้อยละ 64.8 ระบุเป็นกลุ่มนักการเมือง ร้อยละ 55.1 ระบุเป็นกลุ่มนักธุรกิจ และร้อยละ 53.6 ระบุเป็นกลุ่มรับจ้างใช้แรงงานทั่วไป


อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาผลวิจัยแนวโน้มความสุขมวลรวมหรือค่า Gross Domestic Happiness, GDH ของคนไทยภายในประเทศในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2553 ล่าสุดเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.42 มาอยู่ที่ 8.37 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์