นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมะพร้าว และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประเมินสถานการณ์มะพร้าว และแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของผู้ประกอบการและผู้บริโภค ว่า
สถานการณ์มะพร้าวในแหล่งผลิตอย่างประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม พม่า และไทย มีแนวโน้มผลผลิตลดลง เนื่องจากหันไปปลูกปาล์มมากขึ้น แต่ความต้องการใช้มะพร้าวกลับเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะภัยแล้ง และพื้นที่ปลูกสำคัญได้รับความเสียหายจากแมลง รวมทั้งประเทศผู้ส่งออกไม่ผลักดันการส่งออกผลมะพร้าวมายังประเทศไทย เพื่อสำรองผลผลิตไว้ทำเป็นผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น นมมะพร้าว เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีนที่มีความต้องการสูงในขณะนี้ จึงคาดการณ์ผลผลิตมะพร้าวในปีนี้ จะลดลงจากปีก่อนร้อยละ 60 – 70 สำหรับการแก้ไขในเบื้องต้น ได้เร่งรัดให้กรมการค้าต่างประเทศ ออกระเบียบการนำเข้ามะพร้าว ภายใต้ข้อตกลงอาฟต้าโดยไม่เสียภาษี เพราะประเทศอินโดนีเซียยังพอมีผลผลิตเพราะไม่ได้ประสบภัยแล้ง โดยคาดว่า จะสามารถออกประกาศและเร่งนำเข้าได้ภายใน 1 สัปดาห์นี้ ส่งผลให้สถานการณ์ราคามะพร้าวในประเทศน่าจะคลี่คลายภายในเดือนนี้
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ขอความร่วมมือให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมพื้นที่การปลูกมะพร้าวให้มากขึ้น เพื่อรองรับนโยบายการเป็นครัวของโลก เนื่องจากอาหารไทย มีกะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญ และเป็นกะทิที่ดีที่สุดในโลก โดยจะนำเสนอไปยังคณะกรรมนโยบายพืชน้ำมัน ส่วนราคามะพร้าวผลใหญ่ขณะนี้ ราคาปรับสูงขึ้นเป็นผลละ 24 บาท สูงขึ้นประมาณผลละ 14 บาท จากเดิมที่ราคาผลละ 10.60 บาท ส่งผลให้ราคากะทิปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60 บาทต่อกิโลกรัม