ผศ.ดร.จันทร์วิภา ดิลกสัมพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) ในฐานะนักวิชาการด้านเพศศึกษา และวิทยากรการอบรมด้านเพศศึกษา ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
กล่าวว่าตนเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้มีการปรับหลักสูตรการเรียน การสอนวิชาเพศศึกษา โดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษา ควรบรรจุเป็นวิชาศึกษาทั่วไปให้นิสิตนักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้ และควรมีการกำหนดยุทธศาสตร์รณรงค์ Save Sex อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ต้องให้ความร่วมมือ เพราะการสอนเรื่องเพศศึกษาคือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนที่ดีกว่าการออกกฎหมายทำแท้งซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
“เด็กส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจและความเชื่อแบบผิด ๆ เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ว่า ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัย เพราะคนรักจะคิดว่าไม่ให้เกียรติ หรือผู้หญิงคนนี้คล่อง จึงเชื่อว่า การหลั่งภายนอก การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือ การคำนวณวันก่อนและหลังมีรอบเดือนที่เรียกว่า หน้า 7 หลัง 7 จะทำให้ไม่ตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก และมีความเสี่ยงในการตั้งท้องและนำไปสู่การทำแท้งมากที่สุด” ผศ.ดร.จันทร์วิภากล่าวและว่า ผู้ใหญ่ควรเปิดใจอย่าไปด่าเด็กเพราะการห้ามไม่ให้เด็กมีเซ็กซ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องแนะนำการป้องกันตัวเองในการมีเซ็กซ์ที่ปลอดภัยไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงตั้งท้อง หรือ ติดเอดส์ สอนเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ที่สำคัญพ่อแม่และครูควรสอนเรื่องการควบคุมอารมณ์ทางเพศและจริยธรรมทางเพศ โน้มน้าวและกล่อมเกลาให้วัยรุ่นมีจิตสำนึกเรื่องความเหมาะสมในการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ตนเองมีความพร้อม.