ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกตลอดชีวิต อดีต สห. กับ 2 ลูกน้อง จ้างฆ่าสาวลูกครึ่งคาลานจอดรถหน้าแมนชั่น
วันนี้( 24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีความผิดต่อชีวิตที่พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดมีนบุรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเฉลิมพล สุทธิธักษ์ อายุ 31 ปี นายไพรัตน์ พวงศรี อายุ 38 ปี และ ส.อ.สารัตน์ รุ่งแจ้ง อายุ 41 ปี อดีตสารวัตรทหาร (ส.ห.) กรมยุทธบริการ กองบัญชาการทหารสูงสุด( บก.สส.) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 19 ก.ค.49 ระบุความผิดสรุปว่า
คืนวันที่ 23 เม.ย. 49 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกระทำผิด โดยจำเลยที่ 3 จ้างวานให้จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ทะเบียน กท.119529 ยิงนางไอรีน โอเวอร์บอร์ สาวลูกครึ่งถึงแก่ความตาย บริเวณลานจอดรถธีรวรรณ แมนชั่น ซอยรามอินทรา 103 แขวง – เขตคันนายาว กทม. แล้วจำเลยที่ 1 ขี่ จยย.รับจำเลยที่ 2 หลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชันติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ แต่จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลจังหวัดมีนบุรี พิเคราะห์คำเบิกความพยานและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่จำเลยที่ 1 - 2 ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกทั้งสองไว้ตลอดชิวิต ส่วนจำเลยที่ 3 คงประหารชิวิตสถานเดียว จำเลยจึงยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์แบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะเป็นตัวการร่วม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น แต่คำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงพิพากษาแก้ลดโทษจำเลยที่ 3 ให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ศาลอาญา เนื่องจากจำเลยทั้งสามถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งสะดวกต่อการควบคุมตัวและการเดินทาง