นางมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
พร้อมด้วย นางมนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “รณรงค์ป้องกันโรคเอดส์” เนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธ.ค.ของทุกปี ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ชื่องาน “เติมเต็มความหวังยับยั้ง เอดส์” นางมาลินี เปิดเผยว่า ในกรุงเทพฯมีสถิติผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อสูงกว่าทุกจังหวัดในประเทศซึ่งกทม.ได้ตระหนักถึงปัญหาและรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการติดโรคเอดส์เท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงสภาพเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต ของประชาชน การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และทำให้เกิดปัญหาการทำแท้งดังที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องตระหนักถึงให้มากและขอร้องว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเบื่อแต่เราทุกคนต้องช่วยกัน
ด้านนางมนทิรา กล่าวว่า ผู้ป่วยเอดส์นับแต่เริ่มพบครั้งแรกในปีพ.ศ. 2527
ถึง 31 ต.ค. 53 มีผู้ป่วยในกทม.สะสม 41,710 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 32,403 ราย เสียชีวิต 9,307 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ในปี 53 นี้ จำนวน 1,199 ราย โดยกลุ่มที่มีการติดเชื้อมากอยู่ในช่วงวัยรุ่น 15-24 ปี เนื่องจากโรคนี้จะปรากฏอาการภายหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้ว 7-10 ปี โดยหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มปีละ 2,400 คน โดยได้รับงบประมาณในการเข้ามาดูแลในเรื่องปัญหาโรคเอดส์ในปี 53 จำนวน 86 ล้านบาท โดยจัดกิจกรรมรณรงค์เข้าไปในโรงเรียนสังกัดกทม. 8 แห่ง ควบคู่กับการรณรงค์ไปยังกลุ่มผู้ใช้แรงงาน สถานประกอบการ กลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ และในชุมชน และได้เปิดให้บริการเจาะเลือดหาเชื้อเอช ไอวีฟรี ที่ศูนย์สาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง จนถึงวันที่ 1 ธ.ค.นี้
รายงานข่าวจากกองควบคุมโรคเอดส์ พบว่า จากการเฝ้าระวังพบว่าความชุกของการติดเชื้อในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ในกทม.
ซึ่งมีการสุ่มตรวจพบว่า แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2552 ความชุกการติดเชื้อร้อยละ 24.7 และในปี 2553 ความชุกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 31.1 ซึ่งทางกองฯได้มีการออกหน่วยไปสุ่มตรวจ ให้ความรู้และแจกถุงยางอนามัยในสถานบริการ พร้อมทั้งประสานสำนักงานเขตฯเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่อง.