“มาร์ค” ห่วงการทำแท้ง ระบุ เป็นปัญหาใหญ่

“มาร์ค” ห่วงการทำแท้ง ระบุ เป็นปัญหาใหญ่ สั่งให้ศึกษาหาทางรณรงค์ “สาธิต”เตรียมเสนอแก้กฎหมายทำแท้ง
   
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.รัญจกร จันทมนัส ผู้ช่วยพยาบาล ที่ลอบเปิดคลินิกเถื่อนรับทำแท้ง พร้อมกับนำซากศพทารกที่ถูกทำแท้งไปให้ นายสุเทพ ชบางบอน กับนายสุชาติ ภูมี สัปเหร่อวัดไผ่เงินโชตนาราม ย่านบางโคล่ ที่ถูกจับกุมเช่นยกันเผาทำลาย แต่เตาเผาศพเกิดชำรุดทำให้ต้องนำซากศพไปเก็บไว้ในช่องเก็บศพของโกดังเก็บศพภายในวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นเจอซากศพทารกทั้งหมด 2002 ศพ จนซีเอ็นเอ็นเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ภายหลังมีประชาชนที่นิยมเล่นหวยพากันนำสิ่งของไปเซ่นไหว้ที่โกดังเก็บศพของวัดไผ่เงินเพื่อหาเลขเด็ดไปสู้กับเจ้ามือหวยใต้ดิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์”

 ถึงกรณีพบซากทารก 2002 ศพ ที่วัดไผ่เงินโชตนาราม ว่า ชัดเจนว่ายังมีปัญหาเรื่องการทำแท้งและการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ซึ่งเราต้องช่วยกันทำให้ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นในสังคมของเรา ความจริงตั้งแต่ปีที่แล้ว ตนได้ตั้งประเด็นเรื่องปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมของเด็กและเยาวชนว่ากำลังเป็นปัญหาใหญ่ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับหน่วยงานอื่น เร่งรณรงค์เรื่องค่านิยมต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ที่ผ่านมาเรามักจะเข้าไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มเสี่ยงที่แท้จริง การรณรงค์ส่วนใหญ่จึงทำแบบทั่วไป  ขณะนี้ตนได้ให้ศึกษาเพื่อทำให้เราเข้าตรงถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนในกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาได้ พร้อมๆกับต้องปรับปรุงเรื่องการศึกษาให้เด็กในลักษณะครอบครัวศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมตอนปลายไปถึงชั้นมัธยม เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ไม่ให้ลุกลามบานปลายหรือเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย

 “ส่วนกฎหมายการทำแท้งนั้น ผมขอยืนยันว่าในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว คือมีความยืดหยุ่นพอสมควร โดยหลักการทำแท้งถือว่าผิดกฎหมาย แต่มีข้อยกเว้นให้เพื่อประโยชน์เรื่องการดูแลสุขภาพ โดยแพทยสภาได้ออกหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติต่างๆ ซึ่งผมเห็นว่ามีความเหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่สิ่งที่เราจะต้องช่วยกันคือให้ความรู้ และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในหมู่เด็กและเยาวชน”นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณโกดังเก็บศพหลังเมรุวัดไผ่เงินโชตนาราม

ถนนจันทน์ ซอย 43 แยก 22 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ซึ่งเป็นสถานที่ซุกซ่อนซากทารก 2002 ศพ มีประชาชนทยอยเดินทางมาจุดธูปเทียนวางเครื่องเซ่นไหว้ทั้งอาหารคาวหวาน ขนม นม ผลไม้ และของเล่นอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะหน้าช่องเก็บศพหมายเลข 9 หมายเลข 10 และหมายเลข 17 ซึ่งเป็นที่เก็บซากทารกพบว่ามีเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมากวางไว้กลาดเกลื่อน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้เข้าตรวจสอบที่ป่ากล้วยริมคลองติดกำแพงหลังวัดไผ่เงินฯ หลังจากได้รับแจ้งทางทรศัพท์ว่า พบซากทารกอีก 20 ศพ ถูกนำไปฝังเอาไว้บริเวณดังกล่าว แต่เมื่อตรวสอบอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบ คาดว่าเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย

จากนั้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ได้เดินทางมาที่วัดไผ่เงินฯเพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องนี้กับ พระครูวิจิตร สรคุณ เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม แต่เนื่องจากเจ้าอาวาสอาพาธตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงมอบหมายให้ พระทิวา ธรรมชัยโย เลาขานุการมาพบแทน โดย นายองอาจ ใช้เวลาพูดคุยนาน 30 นาที ก่อนจะนำน้ำอัดลม นมถั่วเหลือง และนมกล่องไปจุดธูปเซ่นไหว้ที่หน้าโกดังเก็บศพของวัดด้วย

นายองอาจ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะมีพิธีทำบุญครั้งใหญ่นิมนต์พระสงฆ์ทั้งวัดไผ่เงินฯที่มีกว่า 40 รูป มาสวดมาติกา บังสุกุล และถวายสังฆทานให้กับทารกทีเสียชีวิต

โดยพิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น.เป็นต้นไป หากประชาชนท่านใดอยากร่วมทำบุญด้วยก็ขอให้เดินทางมาในวันดังกล่าว ทั้งนี้ ตนจะเดินทางมาหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกับทางวัด สำนักงานเขตบางคอแหลมและ สน.วัดพระยาไกร อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ย.นนี้

เมื่อถามว่า พอคดีสิ้นสุดจะทำพิธีฌาปนกิจทารกทั้ง 2002 ศพหรือไม่

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบว่า คงต้องรอทางนิติเวชชันสูตรให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะปรึกษากับทางพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดไผ่เงินอีกครั้ง เท่าที่ลองสอบถามข้อมูลทราบว่าคนโบราณมีความเชื่อว่าไม่ให้เผาศพเด็กทารกเนื่องจากขณะที่เขามาเกิดยังเพียบพร้อมด้วยศีล 5 ประการ ยังไม่มีฟันแม้กระทั่งพูดจาโป้ปดก็ยังทำไม่ได้ แต่หากมีความจำเป็นต้องฌาปนกิจกันจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับหลายๆฝ่ายเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยกันต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร กล่าวว่า หลังจากที่ นายสุเทพ ชะบางบอน และนายสุชาติ ภูมี สองผู้ต้องหาที่ศาลให้ประกันตัวออกมาแล้วก็กลับไปพักอยู่ในวัดเหมือนเดิม

แต่เพื่อความไม่ประมาทตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนคอยเฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ตลอดเพราะเกรงว่าอาจหลบหนี ส่วนกรณีที่วัดไผ่เงินจะทำบุญครั้งใหญ่ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานหลายพันคน จึงจัดเตรียมกำลังตำรวจในโรงพักพร้อมทั้งอาสาสมัครกว่า 100 นาย มาคอยอำนวยความสะดวกและช่วยกันสอดส่องดูแลมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานมาด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักเสี่ยงโชคจากต่างจังหวัดเดินทางมาที่วัดไผ่เงินพร้อมกับนำเครื่องเซ่นไหว้มาจุดธูปขอหวยที่หน้าโกดังเก็บศพของวัดกันบ้างแล้ว โดยนักเสี่ยงโชคเชื่อกันว่าหากขอโชคลาภกับวิญญาณเด็กจะสมหวังเร็วขึ้นเนื่องจากมีอาถรรพ์แรงกว่าวิญญาณประเภทอื่นๆ

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์