อุตุฯเตือนภัย ระวังน้ำป่ามาอีก-ดินถล่ม

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย

แถลงถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำทั่วประเทศและการแจ้งเตือนภัยว่า พื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 30 จังหวัด มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,015,300 ครัวเรือน รวม 3,155,112 ราย มีผู้เสียชีวิต 185 ราย

 ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัย ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ชุมพร ลงไปถึงนราธิวาส ว่ามีปริมาณฝนมาก 60-70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะที่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม

 ส่วนบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา อิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูงได้ลดระดับลง

ขณะนี้ประสานกรมชลประทาน ลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ให้ลดระดับการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาให้เหลือ 2,697 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เพื่อลดปริมาณน้ำในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำสูงสุดอยู่ที่ 1.80-1.90 ม. แต่พื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ อาทิ นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ อาจได้รับผลกระทบบางเวลาที่น้ำขึ้นและลดบ้าง

 นายอภิรักษ์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคอีสานปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านจ.มหาสารคามและเคลื่อนตัวผ่านอ.จังหาญ จ.ร้อยเอ็ด

คาดการณ์ว่าปริมาณจ้ำจะล้นตลิ่งอยู่ที่ 7 ซ.ม. ขณะที่แม่น้ำชีที่ไหลผ่านเข้า อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร คาดว่าน้ำจะล้นตลิ่ง 0.40 ม. จากนั้นจะทรงตัวถึงวันที่ 18-20 พ.ย. สำหรับแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยที่นำร่องใน 7 จังหวัดนั้น วันที่ 11 พ.ย.เวลา 09.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคชอ. จะแถลงกำหนดจุดพื้นที่ตามแผนฟื้นฟูว่าจะดำเนินการในพื้นที่ใดบ้าง รวมทั้งแผนป้องกันในระยะยาว  ตามที่ประสานกับภาคส่วนต่างๆในการเข้ามาช่วยเหลือ โดยจะเริ่มดำเนินการพื้นที่จ.นครสวรรค์ เป็นพื้นที่แรก นอกจากนั้นคชอ.ยังประสานกับมูลนิธิเพื่อนพึ่งภายามยาก กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการฟื้นฟูอาชีพ นอกเหนือจากมาตรการของรัฐบาล อาทิ เรื่องการฟื้นฟูอาชีพด้านหัตถกรรมที่ผลิตได้ในชุมนุม เป็นต้น