แม้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดจะคลี่คลายลงแล้ว แต่อีกหลายจังหวัดยังประสบปัญหาถูกน้ำท่วมขัง
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรผู้ประสอบภัย และทรงพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาวบางส่วน โดยทรงเน้นย้ำเรื่องระบบการระบายน้ำและจัดทำโครงการไม่ให้น้ำไปท่วมขังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วานนี้ (7 พ.ย.) ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ก่อนรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ออกรายการ “รายงานพิเศษจากนายกฯ” ชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า ปัญหาน้ำท่วมเริ่มคลี่คลายแล้ว เพราะ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ฝนเริ่มเบาบางลงในหลายพื้นที่ ยกเว้นภาคใต้ที่กังวลว่าอาจมีพายุหรือมรสุม แต่จากการติดตามล่าสุดไม่ได้เป็นเช่นนั้น 2.น้ำเหนือไหลลงมาสู่ลำน้ำหลัก อาจจะมีบางพื้นที่ซึ่งจะติดตามเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ภาพรวมขณะนี้เริ่มลดลงไปมาก พอสมควร และ 3.น้ำทะเลหนุน คงต้องเฝ้าดูอีก 1-2 วันที่จะมีน้ำทะเลหนุนสูง แต่หลังจากนี้เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายเป็นส่วนใหญ่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต 161 รายแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าพสกนิกรซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่พระราชทานความช่วยเหลือห่วงใย และขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย หน่วยงานต่างๆ ที่มีความตื่นตัวตั้งใจช่วยเหลือ ต้องยอมรับว่าลำพังเพียงภาครัฐฝ่ายเดียว ไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากชมเชยภาคประชาชนเป็นพิเศษ ที่ได้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายและเผยแพร่ข้อมูลช่วยเหลือผู้ถูกน้ำท่วมได้จำนวนมาก
นายกฯ ยังยืนยันว่า จะเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟื้นฟู การป้องกันระยะยาว
และยอมรับว่าการแก้ปัญหายังมีข้อบกพร่อง ซึ่งตนขอรับผิดชอบ ทั้งนี้การเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พระองค์ท่านได้แสดงความห่วงใยกำชับให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้หลายพื้นที่ไม่เคยประสบภัยเช่นนี้มาก่อน เช่น จ.นครราชสีมา ทั้งในตัวเมือง หรือ อ.ปักธงชัย ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ทรัพย์สิน พื้นที่ทางการเกษตร ได้อนุมัติหลักเกณฑ์แก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นกรณีพิเศษให้สอดรับกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และจะเร่งให้จ่ายค่าชดเชยให้ถึงมือผู้ประสบภัยโดยเร็ว สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาว จะต้องสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ แก้มลิง ปรับปรุงผังเมืองโดยจะมีภาครัฐและเอกชน และประชาชนเข้าร่วม ซึ่งหากเป็นพื้นที่ทางราชการรัฐบาลก็จะอนุมัติงบประมาณเพื่อทำได้ทันที
นายอภิสิทธิ์ยังให้สัมภาษณ์หลังว่า จะพิจารณาปรับหลักเกณฑ์เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการประชุม ครม. วันที่ 9 พ.ย.นี้
โดยจะเพิ่มเติมกรณีผู้ประสบภัย แต่ยังไม่เข้าเกณฑ์น้ำท่วม เช่น กรณีโดนพายุ และความเสียหายของสวนยางพารา ส่วนการดูแลเกษตรกรพื้นที่ที่น้ำลดแล้วยังเพาะปลูกได้ เพื่อไม่เสียโอกาสจะสนับสนุนด้านเมล็ดพันธุ์ โดยหารือกับนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปแล้ว ซึ่งในการประชุม ครม. นายธีระจะเสนอว่าหลักเกณฑ์ควรเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายกฯ บอกในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ขอยอมรับผิดเพียงคนเดียวเรื่องความล่าช้าในการช่วยเหลือ เป็นการแสดงถึงความน้อยใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เลย แต่ตนไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ เพราะตนไปทุกพื้นที่ เห็นความตั้งใจทุ่มเทของข้าราชการทุกส่วน เวลาที่ถูกตำหนิมา ก็ไม่อยากให้เสียกำลังใจ และจะได้มีกำลังใจ