หอการค้าฯเปรี้ยง!ล้มประมูล3G กระทบแรง

ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย  ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ“วิกฤต 3G จุดเปลี่ยนธุรกิจไทย” เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2553 ที่ผ่านมาว่า การระงับการประมูลใบอนุญาต 3G กระเทือนถึงกำไรที่ธุรกิจและประเทศไทยควรได้  เพราะ 3G คือสิ่งที่สามารถลดต้นทุนทางธุรกิจได้ ไม่ว่าจะมาจากการอัพเดทข้อมูล หรือการสร้างระบบการประชาสัมพันธ์ การกระตุ้นการขายจึงเป็นความน่าเสียดายสำหรับเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ และยังกระทบความเชื่อถือด้านการลงทุนด้วย ถ้ารัฐบาลไม่ใส่ใจก็ต้องมีการกดดันให้ใส่ใจมากกว่านี้ เพราะภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศคือการทำให้เศรษฐกิจเติบโต โดยความเสียหายดังกล่าวมีการประเมินมูลค่าไว้ที่ 200,000 กว่าล้านบาท จากการหายไปของเงินลงทุนและรายได้จากแอพพลิเคชั่นที่ต่อยอดจากการมีบริการ 3G
 

“การมี 3G หมายรวมถึงการทำให้คนต่างจังหวัดได้เข้าถึงคลังสมอง เข้าถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ การทำให้ธุรกิจ SME เกิดขึ้นได้รวดเร็วทำให้มีเศรษฐีใหม่อายุไม่ถึง 30 เกิดขึ้นได้มากมาย เพราะประเทศที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คือประเทศ Facebook  ที่กลายเป็นช่องทางในการเจาะตลาดหาลูกค้าใหม่  วันนี้ดาต้าและออนไลน์ คือความเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้คนจะติดคำว่าสะดวก และเร็ว ระบบเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนครั้งใหญ่ ไปสู่ดิจิทัลอีโคโนมี่ โนเลจอีโคโนมี่ ไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ทุกอย่างต้องเชื่อมต่อกัน ความเร็วจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
 

โครงสร้างของธุรกิจใหม่คือการสร้างฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีที่เข้มแข็ง เมื่อขาด 3G จึงขาดพื้นฐานสำคัญในการสร้างสรรค์ธุรกิจให้มีความโดดเด่น

จากผลสำรวจของบริษัทวิจัยไอดีซีแสดงให้เป็นว่าความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย หากเทียบประเทศในเอเชียแล้วอยู่ระดับกลางๆ  แพ้มาเลเซีย สิงคโปร์  และถ้าลงลึกไปถึงดัชนีชี้วัดทางวิทยาศาสตร์ ไอซีที โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะพบว่าไทยอยู่ในอันดับต่ำมาก  แม้แต่งบด้านวิจัยและพัฒนาเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศแล้วใช้ไม่ถึง 2%  ต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายมาก
 

ประเด็นที่สำคัญคือการล้มประมูล 3G กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศมาก เป็นการย้ำว่าไทยมีปัญหาด้านการดูแลทางกฎหมาย ดังนั้นตนมองว่าถึงเวลาที่ควรกดดันองค์กรอิสระและหน่วยงานอื่นๆ ให้ใช้ผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ถ้าคนที่ถูกเลือกตั้งมาจากประชาชนไม่สามารถเคลียร์ทุกปัญหาได้ก็ต้องร่วมกันกดดัน เพราะผู้นำควรทุบโต๊ะเพื่อพัฒนาประเทศ”ดร.ธนวรรธน์กล่าว

"คนมักมองว่าวงการโทรคมนาคมไทยมีปัญหาเพราะอยู่ในมือของต่างชาติ จริงๆ ต้องมองว่าเขาได้พัฒนาเทคโนโลยีหรือไม่ เงินหมุนเวียนในไทยหรือไม่  จริงอยู่เขาทำกำไรได้ก็ต้องปันผล แต่เมื่อพัฒนาเทคโนโลยีแล้วทำให้ผู้ประกอบการอื่นๆ ในไทยต่อยอดได้ ก็คือประโยชน์ ประเทศจะได้ความคุ้มค่าจากภาษีที่เก็บได้  ขณะที่ประชาชน ได้ความคุ้มค่าจาการนำโทรคมนาคมไปลดต้นทุนธุรกิจหรือการเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น"



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์