สมาคมชาวนาห่วงรัฐจ่ายเบี้ยชดเชยไม่ถึงมือ

นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยถึงมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือเกษตรกที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมว่า

ขณะนี้ต้องการให้รัฐบาลโดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปสำรวจความเสียหาย เนื่องจากหลายพื้นที่ขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มลดลงและรอคอยการให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของสมาคมอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอข้อเรียกร้องและมาตรการบรรเทาทั้งระยะสั้นและระยะยาวแก่นายกรัฐมนตรี

“สำหรับแนวทางความช่วยเหลือที่ 50% ของพื้นที่เสียหายนั้น หากช่วยเหมือนกันทุกรายก็จะไม่ถูกจุด เพราะเป็นการช่วยเพียงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่พื้นที่เพาะปลูกของชาวนาแต่ละรายนั้นไม่เท่ากัน ควาเมสียหายก็ไม่เท่ากัน บางรายเกี่ยวข้าวไปแล้ว 80% เหลือเพียง 20%ที่โดนน้ำท่วม ขณะที่บางรายถ้าปลูก 10  ไร่แล้วเสียหายทั้งหมดก็ต้องชดเชยตามจำนวนไร่หรือระดับที่เหมาะสม จะมาชดเชย 5 ไร่เทียบกับข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวแต่จมน้ำทั้งหมดนั้น คือว่าไม่เหทาะสม ไม่ตรงจุดและยังสิ้นเปลืองงบโดยไม่จำ เป็นเหมือนการเหวี่ยงแหที่ไม่ได้ประโยชน์อะไร” 
 
นายประสิทธิ์ กล่าวอย่างกังวล ว่า ขณะนี้เริ่มมีเกษตรกรหลายพื้นที่เริ่มทราบถึงความช่วยเหลือเงินชดเชยดังกล่าวแล้ว

และมีจำนวนมากที่พื้นที่เสียหายน้อยหรือแทบไมได้รับความเสียหาย กลับหาวิธีทำให้พื้นที่เสียหายมากขึ้นเพื่อจะได้ขอเงินชดเชย ดังนั้น หากภาครัฐสามารถหาข้อมูลตามจริงก็จะลดเงินมหาสารที่ต้องทุ่มลงไปในจุดนี้ได้  เพราะการใช้ระบบตรวจสอบโดยท้องถิ่น อบต.อบจ.หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ที่ยังมีการถือเรื่องพวกพ้องหรือหัวคะแนนอยู่ ดังนั้นทางออกเบื้องต้นต้องให้หน่วยงานนอกเหนือจากนี้ อาจเป็นกลุ่มโรงสี ผู้ส่งออกที่คลุกคลีเป็นอย่างดีเข้ามาช่วย โดยเฉพาะรายที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ หากตรวจพบว่ารายใดที่จงใจทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้น อาทิ  ตั้งใจปล่อยน้ำหรือแจ้งจำนวนไร่หรือปริมาณเท็จ รัฐบาลต้องตั้งมาตรการเข้ามาจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเอาเปรียบผู้ที่เดือดร้อนด้วยกัน
 
 “นายกฯ ต้องดูความชัดเจน ว่าใครที่เสียหาย 100% ต้องให้ความช่วยเหลือก่อน การจะช่วยเหมือนกันก็คงไม่ได้เพราะเงินถือว่าเยอะ ส่วนเงินเยียวยาหรือช่วยเหลือนั้นต้องแยกออกจากงบประมาณที่ใช้ซ่อมแซมบ้านครัวเรือละ 5,000 บาทและเงินส่วนต่างจากการประกันรายได้ ส่วนหลักแนวคิดการเยียวยานั้นอาจคิดบนต้นทุนที่ชาวนาจ่ายจริง”
 
 ส่วนความกังวลเรื่องภัยหนาวนั้น ไม่น่าส่งผลต่อพื้นที่นักและมีไม่น้อยที่ที่นาเสียหายทั้งหมด

ทำให้ชาวนาไม่มีเงินทุนอีก ซึ่งกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ จะนำข้อสรุปความช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งจากสมาคมชาวนาไทย สมาคมโรงสี กรม การข้าว(กระทรวงเกษตร) กรมการค้าภายใน (กระทรวงพาณิชย์)เป็นต้น