วันที่ 1 พ.ย. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่า กรมได้สรุปสถานการณ์อุทกภัย
ระหว่างวันที่ 10 ต.ค.-1 พ.ย. ว่า มีพื้นที่ประสบภัย 38 จังหวัด 381 อำเภอ 2,803 ตำบล 24,294 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,786,804 ครัวเรือน5,961,812 คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 16 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว นครนายก กำแพงเพชร พิษณุโลก หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 22 จังหวัด 126 อำเภอ 955 ตำบล 7,475 หมู่บ้าน 1,114,682 ครัวเรือน 3,589,043 คน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 4,128,373 ไร่
นายวิบูลย์ กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 96 ราย ใน 20 จังหวัด
ได้แก่ นครราชสีมา 22 ราย บุรีรัมย์ 6 ราย ลพบุรี 13 ราย ขอนแก่น 4 ราย ระยอง 1 ราย ตราด 1 ราย สระแก้ว 1 ราย ชัยภูมิ 2 ราย สระบุรี 4 ราย นครสวรรค์ 13 ราย อุทัยธานี 1 ราย ชัยนาท 3 ราย นนทบุรี 3 ราย กำแพงเพชร 3 ราย สุพรรณบุรี 5 ราย พิจิตร 1 ราย ปทุมธานี 3 ราย พระนครศรีอยุธยา 7 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย และสิงห์บุรี 1 ราย จากการวิเคราะห์สถิติผู้เสียชีวิต พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต ได้แก่ การจมน้ำจากการลงจับสัตว์น้ำ เก็บของในน้ำ การปล่อยให้เด็กลงเล่นน้ำ และการถูกไฟฟ้าดูด โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก จึงขอเตือนผู้ประสบอุทกภัยให้หลีกเลี่ยงการเดินเข้าใกล้เสาไฟฟ้า เพราะอาจมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้เกิดไฟฟ้าดูดเสียชีวิต รวมถึงหลีกเลี่ยงการลงแช่น้ำเป็นเวลานาน เนื่องจากช่วงนี้สภาพอากาศหนาวเย็นมากขึ้น อาจทำให้เป็นตะคริวจมน้ำเสียชีวิตได้ รวมทั้งไม่ปล่อยให้เด็กลงเล่นน้ำ ดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก อาจพัดเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จมน้ำเสียชีวิต ตลอดจนไม่ขับผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังและกระแสน้ำไหลแรง เพราะอาจถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำได้
นายวิบูลย์ กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือค่าจัดการศพตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
โดยจ่ายค่าจัดการศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจ่ายรายละไม่เกิน 25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจ่ายเงินช่วยเหลืออีกไม่เกิน 25,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาทรวมถึงจะประสานกับกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จ่ายเงินค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตอีกรายละ 50,000 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมาตรการพิเศษช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัยเมื่อวันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2553 ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตรายละ 75,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รับค่าจัดการศพ 100,000 บาท
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
