นายมนัส ห้วยหงส์ทอง นายกสมาคมโรงสีข้าวสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้โรงสีถือว่าไม่มีผลกระทบ แต่ส่วนใหญ่ที่กระทบจะเป็นที่นาของเกษตรกร
วันที่ 4 พ.ย.นี้ ทางสมาคมจะเชิญเกษตรจังหวัดมาพูดคุยและขอรายละเอียดว่าที่นาในสุพรรณบุรี นั้นเสียหายจากอุทกภัยจำนวนเท่าไร หลังจากได้ข้อมูลจะได้แจ้งสมาชิกกลุ่มโรงสี จำนวน กว่า 50 โรงสี ว่าปีนี้ข้าวในสุพรรณบุรี เสียหายมากน้อยแค่ไหน จะได้มีการคาดคะเนการตลาดกันได้ถูก ในส่วนของวัตถุดิบต่างๆก็ยังหาได้ในพื้นที่ยังไม่โดนน้ำท่วม
ในส่วนของความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบ เพราะดูตามวิเคราะห์แล้ว ประเทศอื่นก็ประสบปัญหาแบบประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และถือว่าโดนหนักว่าประเทศไทยและมีประชากรมาก จึงต้องซื้อข้าวจากเมืองไทยเข้าไป คาดว่าราคาข้าวน่าจะสูงขึ้นไม่ลดอย่างแน่นอน และปรับตัวสูงขึ้น เพราะตอนนี้ราคาข้าวแนวโน้มขยับขึ้น พอขยับขึ้นก็ชดเชยเงินบาท เพราะมีกำลังซื้อจากผู้ส่งออก แสดงว่าประเทศผู้ที่ประสบภัย จำเป็นจะต้องซื้อข้าวนำเข้าจากไทย เพราะตอนนี้เวียดนามไม่มีข้าวขายมากว่า 2 เดือนแล้ว จึงเป็นโอกาสข้าวไทยที่จะขายได้
ด้านนายเฉลียว เกาะแก้ว เจ้าของโรงสีเกาะแก้วเจริญธัญญา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า
โรงสีไม่มีผลบกระทบแต่ที่มีผลกระทบอย่างหนักก็คือเกษตรกร ผลกระทบโรงสีก็อาจจะต้องไปหาวัตถุดิบจากต่างถิ่นมาผลิต แต่จริงๆแล้วในพื้นที่ช่วงนี้บางแห่งยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็ท่วมไป พอน้ำรดเกษตรกรก็เริ่มทำกันใหม่ ทางโรงสีที่อยู่ใกล้บริเวณน้ำท่วมก็ต้องไปหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นที่มีอยู่ทั่วประเทศมาแข่งขันกันผลิต เรียกว่ามีผลกระทบบ้างแต่ไม่ถึงกับมากมาย อัตราผันผวนการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเป็นกระทบอัตโนมัติอยู่แล้ว และกระทบกับเกษตรกรมากกว่า ผู้ประกอบการ