นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
แถลงสถานการณ์อุทกภัย วันที่ 28 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยทั้งสิ้น 27 จังหวัด 238 อำเภอ 1,757 ตำบล 14,509 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,089,615 ครัวเรือน รวม 3,292,377 คน โดยมีพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มขึ้น 2 จังหวัดคือ จ. พิษณุโลก (อ. บางกระทุ่ม) และจ.หนองบัวลำภู (อ.โนนสังและ อ.ศรีบุญเรือง) ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แม้จะผ่านช่วงวิกฤตในวันที่ 26-27 ตุลาคมไปแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระหว่างอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน เพราะนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้น โดยน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5-20 เซนติเมตร จากที่เคยเพิ่มสูงสุดในวันที่ 26-27 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดูแลพื้นที่กทม. ด้านตะวันออกเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน
ที่มีข้อกังวลว่าลำน้ำชีและลำน้ำมูลจะไหลมาบรรจบกันที่จ. อุบลราชธานีแล้วทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่นั้น ได้รับการยืนยันว่าลำน้ำทั้ง 2 จะไม่มาบรรจบในเวลาเดียวกัน เนื่องจากลำน้ำมูลที่ไหลมาจาก จ.บุรีรัมย์และ จ.ศรีสะเกษ จะเข้าสู่ตัวเมือง จ.อุบลราชธานีในวันที่ 2 พฤศจิกายน ด้วยระดับความเร็ว 3,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนลำน้ำชีที่ไหลมาจาก จ.ร้อยเอ็ดและ จ.ยโสธร จะเข้าสู่ จ.อุบลราชธานีในวันที่ 8-9 พฤศจิกายน ดังนั้นน่าจะสบายใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ต้องถือว่า จ.อุบลราชธานีเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม-9 พฤศจิกายน
รัฐบาลประเดิมแจกเงินแสน เหยื่อน้ำท่วมที่ลพบุรีจังหวัดแรก
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย กล่าวว่า ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ตนและนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไป จ.ลพบุรีเพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย ซึ่งหากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 1 แสนบาท หากเป็นสมาชิกในครอบครัวได้เงินช่วยเหลือรายละ 7.5 หมื่นบาท สำหรับสาเหตุที่เลือก จ.ลพบุรีเป็นจังหวัดแรก เพราะเป็นพื้นที่ที่ประชาชนเสียชีวิตสูงที่สุด