นายปรีชา สุขกล่ำ หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ . วัดโบสถ์ จ . พิษณุโลก เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแควน้อยต่อเนื่อง
ส่งผลให้ปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ความจุกักเก็บ 769 ล้านลูกบาศ์กเมตร หรือคิดเป็น 100 % ของความจุเขื่อน คิดเป็นความสูงที่ระดับ 130 รทก. (สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง) จากความสูงเก็บเก็บสูงสุดของสันเขื่อนที่ 132.5 รทก . นอกจากนั้น ในวันนี้ 27 ตุลาคม 2553 เขื่อนแควน้อยฯได้ทำการปล่อยน้ำ หรือยกบานประตูน้ำทั้ง 6 บานขึ้น เพื่อปล่อยน้ำลงแม่น้ำแควน้อย ในอัตราเฉลี่ย 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ วันละ 3.65 ล้านลูกบาศ์กเมตร หลังจากที่ผ่านมาเขื่อนแควน้อยฯยุได้ติการปล่อยน้ำ ตั้งแต่ 22-25 ตุลาคม 53 เพื่อไม่ไปเติมน้ำที่เขื่อนเขื่อนเจ้าพระยา เหตุอุทกภัยหลายจังหวัดในภาคกลางในภาวะน้ำทะเลหนุนสูง
ล่าสุดได้แจ้งเตือนประชาชนท้ายน้ำเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าไม่มีผลกระทบใดๆต่อท้ายน้ำหรือภาคกลางเพราะน้ำจากแม่น้ำแควน้อยบำรุงแดนจะเดินทางไปเขื่อนเจ้าพระยาใช้เวลาประมาณ 10 วัน
“ ถือว่าเป็นความสำเร็จของเขื่อนแควน้ำบำรุงแดนที่สามารถเก็บกักได้เต็มในปีแรก โดยไม่มีปัญหาใด ทำให้กลางปี 54 การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เตรียมนำเครื่องเทอร์ไบน์ ผลิตไฟฟ้าจำนวน 2 เครื่องๆละ 15 กิโลวัตต์ รวมเป็น 30 กิโลวัตต์ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ 144 ล้านเมกะวัตต์ต่อปี ครอบคลุมการจ่ายไฟฟ้าในแก่คนอำเภอวัดโบสถ์และใกล้เคียง การผลิตไฟฟ้าทีเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ถือเป็นความร่วมมือที่ได้ตกลงกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไปเรียบร้อยแล้ว ในความร่วมมือผลิตกระแสไฟฟ้าพร้อมกับอีก 5 เขื่อน คือ เขื่อนเจ้าพระยา , เขื่อนนเรศวร , เขื่อนแม่กลอง , เขื่อนขุนด่านประการชลและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ” นายปรีชา กล่าว