ปิ้งไอเดียรวมล๊อตเตอรี่ 1 ใบ 80 บาท

ประธานบอร์ดสลากฯ คนใหม่ ชี้เหตุไม่ค่อยมีใครนิยมซื้อแค่ครึ่งเสี้ยว แถมเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย

วันนี้ (26 ต.ค.) ที่สำนักการพิมพ์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายมนัส แจ่มเวหา ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวหลังตรวจเยี่ยมโรงพิมพ์สำนักงานสลากฯ ว่า เดินทางมาตรวจเยี่ยม เพื่อติดตามความคืบหน้าและรับทราบปัญหา เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งนี้ได้มีแนวคิดที่จะให้สำนักงานสลากฯ ปรับปรุงการพิมพ์สลากใหม่ จากปัจจุบันที่พิมพ์ 2 ใบเล็ก อยู่ใน 1 ใบใหญ่ หรือ 1 คู่ ซึ่งมีการพิจารณาเห็นว่าระบบการซื้อขายในปัจจุบันนี้ยังลักลั่นกันอยู่ เหตุเพราะในข้อเท็จจริงแทบจะไม่มีใครซื้อสลากฯ 1 ใบ 40  บาทเลย ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นคู่ราคา 80 บาทกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงอยากให้มีการปรับเป็น 1 ใบราคา 80 บาทไปเลย

นายมนัสกล่าวต่อว่า ปัจจุบันพบว่ารายได้ของธุรกิจโรงพิมพ์ฯ มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากระบบเทคโนโลยีของโรงพิมพ์ไม่สามารถพิมพ์บางรายการได้

อีกทั้งลูกค้าปกติ อาทิ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)หรือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สั่งพิมพ์ตั๋วและบัตรทางด่วนลดลง อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวคงต้องส่งให้สำนักงานสลากฯ ไปพิจารณาถึงข้อกฎหมายอีกครั้งว่าจะติดขัดอะไรหรือต้องแก้ไขในจุดไหนอย่างไร นอกจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ยังต้องการเพิ่มรายได้ให้กองสลากฯ โดยจะมีการเปิดให้มีพื้นที่โฆษณาบนสลากฯ ด้วย

ด้านนายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวนั้น สำนักงานสลากฯ พร้อมที่จะดำเนินการได้

แต่ทั้งนี้ต้องรอให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ เสียก่อนว่าจะเห็นชอบหรือไม่ เรื่องการรวมสลากฯ จาก 1 คู่ เป็น 1 ใบนั้น ต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากหากจะรวม 1 ใบในราคา 80 บาท อาจถูกข้อครหาได้ว่าสำนักงานสลากฯ เพิ่มราคาขายหรือไม่และต้องเพิ่มรางวัลต่าง ๆ เป็น 2 เท่า รวมถึงการผลิตที่ปัจจุบันพิมพ์อยู่ที่ 64 ล้านฉบับจะเหลือเพียง 32 ล้านฉบับ เป็นต้น ส่วนต้นทุนการผลิตนั้นจะทำให้ถูกลงอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันนี้สำนักงานสลากฯ พิมพ์สลากฯ 64 ล้านฉบับ มีต้นทุนที่ต่ำอยู่แล้วเพียง 16 สตางค์เท่านั้นหรืออยู่ที่ 1 คู่ 32 สตางค์ แต่หากรวมเป็น 1 ใบก็เท่ากับว่าจะใช้ต้นทุนเพียง 16 สตางค์เท่านั้น

นายวันชัยกล่าวต่อว่า ในปีหน้ากองสลากฯ จะยกระดับการจัดพิมพ์สีในกระบวนการพิมพ์ต่าง ๆ และพัฒนาสิ่งพิมพ์ที่ปลอดการปลอมแปลงให้มากขึ้น
ต่อจากนั้นในปี 2555 ได้เตรียมตั้งงบประมาณในการปรับปรุงระบบการพิมพ์ สายการผลิตต่าง ๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สามารถพิมพ์งานได้ทุกประเภท สำหรับในส่วนของราคาขายปลีกสลากฯ ที่ยังแพงอยู่นั้น ถือว่าขณะนี้ได้ถูกลงมากแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเดือน ต.ค.นี้ ที่มีทั้งปัญหาน้ำท่วมและฝนตกบ่อย ทำให้ไม่มีผู้ขายปลีกเข้ามาซื้อสลากฯ ไปขายเช่นเคย เนื่องจากต้องดูแลบ้านเรือนตัวเองที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตามในการแก้ปัญหาสลากราคาแพงนั้น เห็นว่าอยู่ที่จำนวนการพิมพ์ โดยในปัจจุบันอยู่ที่ 64 ล้านฉบับ ซึ่งหากจะแก้ให้ปัญหาให้หมด ตนเห็นว่าควรพิมพ์ที่ 66-68 ล้านฉบับ แต่ยังมีบางส่วนไม่เห็นด้วย เพราะถือว่าเป็นการมอมเมา ต้องยอมรับว่าสลากฯ นั้นเป็นสินค้าอย่างเดียวในโลกที่จะขายดีไม่ได้.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์