(21ต.ค.) นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผย “สำนักข่าวเนชั่น”
สภาพอากาศในตอนบนของประเทศจากกรุงเทพฯขึ้นไป ฝนจะเริ่มตกน้อยลงกระทั่งสิ้นเดือนต.ค.เข้าสู่เดือนพ.ย.จะไม่มีฝนตกแล้ว หากจะมีก็น้อยมาก และหลังจากนี้อากาศหนาวเย็นเข้ามาแทนที่ ซึ่งทางกรมอุตุนิยมฯได้คาดหมายว่าฤดูหนาวปีนี้จะหนาวเย็นกว่าทุกปี ประกอบกับมีลดพัดแรง ขอเตือนประชาชนโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เตรียมเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาวให้เพียงพอ ขณะที่กลุ่มฝนจะเคลื่อนตัวไปตกทางภาคใต้ ซึ่งกรมอุตุนิยมฯคาดหมายว่าปีนี้จะมีฝนตกหนักมากกว่าทุกปี แต่จะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังหลายวันเหมือน จ.นครราชสีมา หรือจ.ลพบุรี เนื่องจากภาคใต้มีพื้นที่แคบ และทั้งสองฝั่งเป็นทะเล น้ำฝนสามารถระบายออกได้ทั้งสองฝั่ง ขณะเดียวกันจะมีลมพายุพัดแรง จากการย้อนดูสถิติลมพายุทางภาคใต้ในรอบ 58 ปี สามารถคาดหมายได้ว่าในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าประมาณเดือนพ.ย. 2553- ม.ค. 2554 ภาคใต้จะเจอพายุอย่างน้อย 1 ลูกแต่ยังไม่สามารถคาดคะเนความแรงได้
ขณะที่น.อ.จักรกฤษ มะลิขาว ผ.อ.กองสมุทรศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
ระบุว่าในช่วงวันที่ 24-26 ต.ค.นี้จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงที่สุดในช่วงนี้ แต่จากข้อมูลที่ได้รับจากกรมอุตุนิยมวิทยา ทราบว่าในช่วงนั้นจะไม่มีฝนตกหนักเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงคาดว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในกทม. มั่นใจว่าเขื่อนกั้นน้ำของกทม.ซึ่งมีความสูงเฉลี่ย 2.5 เมตรนั้นจะเพียงพอที่จะป้องกันน้ำที่จะทะลักเข้ามายังกทม.ได้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำกรมอุตุนิยมวิทยา วิเคราะห์สาเหตุน้ำท่วมหนักที่จ.นครราชสีมา ว่า ปริมาณน้ำฝนในปีนี้ ไม่ถือว่ามากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา
เพียงแต่ตกช้ากว่าทุกปี แต่ที่ต้องประสบภาวะวิกฤตอย่างหนักมาจากเส้นทางระบายน้ำตามคูคลองต่างๆที่เคยเป็นที่รองรับน้ำฝน ได้ถูกดัดแปลงเป็นสิ่งก่อสร้าง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกได้ตามปกติ ขณะที่ผืนป่าบนเขาใหญ่ก็นำไปสร้างรีสอร์ต รวมทั้งสนามกอล์ฟ ทำให้ต้องสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำเอาไว้เพื่อใช้ในหน้าแล้ง เมื่อฝนตกหนักเขื่อนที่สร้างขึ้นนั้นไม่เพียงพอจะกักเก็บน้ำจำเป็นต้องปล่อยน้ำลงมาจากเขา เมื่อปล่อยออกมาก็ไม่มีต้นไม้ที่ยึดผิวดินชะลอความแรงของน้ำทำให้น้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็ว