ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากคนงานในอู่เคาะพ่นสี สหมิตรยนต์กิจ ริมถนนจอมพล ป. เขต ม. 4 ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาว่า
ลูกสาวฝาแฝดของ นายสุพจน์ นิลไท อายุ 33 ปี ช่างเคาะตัวถังรถยนต์ของอู่ดังกล่าว ซึ่งเป็นฝาแฝดป่วยเป็นโรคประหลาดทั้งคู่ แขนขาไม่มีแรง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่สามารถเดินได้เหมือนกับเด็กทั่วไป เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น
เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ ได้พบนางเพ็ญแข นิลไทย อายุ 30 ปี บ้านเดิมเลขที่ 50 ม. 4 ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ และนายสุพจน์ สามี กำลังช่วยกันดูแล ด.ญ.อรรพรรณ หรือน้องแพร นิลไทย อายุ 4 ขวบ และด.ญ.ชนันภรณ์ หรือน้องพลอย นิลไทย อายุ 4 ขวบ แฝดผู้น้อง ซึ่งมีลักษณะใบหน้ารูปร่างเหมือนกัน ทั้งนี้ ฝาแฝดทั้ง 2 คนมีสภาพร่างกายซูบผอมโซ ตาโหล พูดไม่ชัด อยู่ในลักษณะหวาดกลัวผิดกับเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน แขนขาทั้งสองข้างไม่สามารถยกได้เอง เพราะไม่มีแรง โดยพ่อและแม่ต้องคอยจับดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
นางเพ็ญแข กล่าวว่า ตนเดิมทีรับจ้างอยู่ใน กทม. ส่วนนายสุพจน์ ทำงานรับจ้างเคาะพ่นสีรถ ครั้งแรกช่วงน้องแพรและน้องพลอยคลอดมาเหมือนเด็กทั่วไปไม่มีอะไรผิดปกติ น้ำหนักตัวแรกเกิด น้องแพร 2,560 กรัม น้องพลอย 2,800 กรัม สุขภาพแข็งแรงดีทั้งคู่ เข้ารับการฉีดวัคซีน ควบคุมโรคโปลิโอ ไข้สมองอักเสบ ตามกำหนดที่แพทย์นัดทุกครั้งไม่เคยขาด โดยช่วงแรกเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ แต่น้องแพรและน้องพลอย เริ่มมีความผิดปกติโดยสังเกตพบได้ เมื่ออายุประมาณ 4 เดือน โดยทั้งคู่เริ่มป่วยพร้อมกันและแสดงอาหารเหมือนกันในเวลาเดียวกัน โดยเริ่มป่วยบ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นไข้ ต้องพาไปพบแพทย์ที่ รพ.สุรินทร์ เป็นประจำ อาการของโรคประหลาดเริ่มปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แขน ขา กล้ามเนื้อเริ่มเหี่ยวลง จนเป็นอย่างที่เห็น เหลือแต่หนังที่หุ้มกระดูก กล้ามเนื้อไม่มีแรง แขนขายกไม่ขึ้น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กลายเป็นเด็กพัฒนาช้าพูดจาไม่ชัดคำ และตั้งแต่เกิดลูกทั้งสองคนเท้ายังไม่เคยเดินเลย
นางเพ็ญแข กล่าวต่อว่า ตนจึงต้องลาออกจากงานมาคอยดูแลลูก นำตัวไปรักษาเข้าออก ที่ รพ.สุรินทร์ หลายครั้ง อาการของลูกสาวฝาแฝดไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดลงผอมลงเป็นที่น่าเวทนาสงสาร จึงตัดสินใจพาลูกทั้งสองคนมาพักอาศัยอยู่กับ สามี ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 1 ปีเศษ เพื่อจะสะดวกพาลูกไปรักษา โรงพยาบาลใน กทม. ที่หมอดีและเก่งกว่า หวังให้ลูกหายจากโรคประหลาด จนกระทั้งล่าสุดได้พาลูกไปรักษาที่ รพ.เด็กราชินี ในกทม. ที่ผ่านมาได้เข้า ทำการรักษาแล้ว 2 ครั้ง แพทย์ได้ทำการตรวจเลือด แต่ผลยังไม่ออก ซึ่งแพทย์ได้นัดไปพบอีกครั้ง ในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้ ตอนนี้เป็นกังวลและรู้สึกสงสารลูกเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดมาแล้วไม่เหมือนคนทั่วไป เป็นเด็กพิการเป็นปมด้อยแก่เขาทั้งสองคน
ด้านนายสุพจน์ กล่าวว่า ต้องการความช่วยเหลือจากแพทย์ที่มีเชียวชาญชำนาญ นื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าลูกป่วยเป็นโรคอะไร โดยตนเองยังโชคดีเจ้าของอู่ให้ค่าแรงดีวันละ 470 บาท แต่ก็เป็นรายได้ทางเดียว เพราะภรรยาต้องออกมาดูแลลูกที่ป่วยเป็นโรคประหลาด เงินที่ได้มาก็กินถึง 4 ปาก และต้องเตรียมไว้เป็นค่ายา ค่าเดินทางพาลูกไปหาหมออีก ซึ่งทุกวันนี้ต้องประหยัดทุกทาง โดยตัดฟืนมาทำกับข้าวหุงหาอาหาร เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองค่าแก๊ส พืชผักก็ปลูกในพื้นที่หลังอู่ ทั้งพริก หอม มะละกอ และอีกมากมายเพื่อไว้กินจะได้ไม่ต้องซื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากต้องการช่วยเหลือ สามารถให้ความช่วยเหลือผ่านหมายเลขบัญชีชื่อ นายสุพจน์ นิลไท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาอุตสาหกรรมโรจนะ เลขที่ 250 - 918 - 4480 หรือติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 086-7699913