“ชายรักชาย”ติดเอดส์สูง

คาดปี'53 ใน กทม.ผู้ป่วยหน้าใหม่กว่า 1 พันคน กทม.จับมือยูเอ็นหามาตรการป้องกันให้ตรงจุด

นางมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์โรคเอดส์ในกทม.พบว่าแนวโน้มโดยรวมผู้ป่วยเอดส์มีจำนวนลดลง แต่แนวโน้มผู้ป่วยในกลุ่มของชายรักชาย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางองค์การเอดส์แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) และสมาคมโรคเอดส์ ได้หารือร่วมกันเพื่อเร่งเพิ่มมาตรการเข้าไปรณรงค์ในกลุ่มของชายรักชายให้เข้มข้นตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มผู้ป่วยเอดส์ในเมืองใหญ่ทั่วโลกรวมทั้งกรุงเทพฯมีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มชายรักชายเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักคือในกลุ่มชายรักชายส่วนใหญ่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ง่ายที่สุดที่จะหยุดยั้งและลดการแพร่ระบาดของโรคเอดส์
   
ด้านนางสาวปิยธิดา สมุทระประภูติ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า

ปัจจุบันในกทม. มีผู้ป่วยเอดส์สะสม 41,493 ราย ในปี 2552 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,531 ราย เสียชีวิต 186 ราย และในปี 2553 ถึงเดือน ส.ค. มีผู้ติดเชื้อแล้ว 983 ราย เสียชีวิต 105 ราย คาดการณ์ว่า ถึงสิ้นปีจะมีจำนวน 2,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นผู้ป่วยในกลุ่มชายรักชายร้อยละ 50 หรือประมาณ 1,000 คน โดยในการเจาะเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี ในกลุ่มชายรักชายพบว่ามีความชุกในการติดเชื้อสูงถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เกณฑ์ปกติอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น มีการประมาณการจำนวนประชากรในกลุ่มของชายรักชายในกรุงเทพฯ มีประมาณ 150,000-300,000 คน หรือประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ซึ่งในกลุ่มชายรักชายมีผู้ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้คนในกลุ่มนี้มีการแพร่กระจายของโรคเอดส์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กทม. เตรียมหามาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้ในกลุ่มเสี่ยงเช่นสถานบริการต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงการให้บริการเจาะเลือด รณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย และให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกัน นอกจากนี้จะเน้นเข้าไปรณรงค์ในโรงเรียนให้มากขึ้นเนื่องจากแนวโน้มผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มเยาวชนที่อายุน้อยลง.