หมอผิวหนังจี้ อย.คุมกรดวิตามินเอ กินรักษาสิว หลังพบขายเกลื่อน ชี้ใน ตปท.ทำเด็กแท้ง 3-20% พิการ 18-47%
วันนี้ (21 ก.ย.) รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แถลงเรื่อง กินยาสิวอย่างไรให้ปลอดภัย ว่า ได้รับการประสานจากแพทย์ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ที่แสดงความเป็นห่วงว่า ระยะหลังมานี้มีสตรีมาขอรับการทำแท้งมากขึ้น โดยอ้างเหตุผลว่า กินยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ หรือชื่อสามัญว่า ไอโซเตติโนอิน โดยจากข้อมูลของหน่วยวิจัยอนามัยเจริญพันธุ์ฯ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่า มีสตรีมาขอทำแท้งระหว่างปี 2550-2552 เนื่องจากได้รับยาในกลุ่มนี้ถึง 10 ราย จึงเล็งเห็นว่าการใช้ยาตัวนี้พร่ำเพรื่อ โดยไม่มีการควบคุมอาจเป็นอันตรายได้ จึงขอให้ทางสมาคมฯ ให้ความรู้ และขอให้ อย.หามาตรการในการควบคุมการขายยาตัวนี้
รศ.นพ.นพดล กล่าวต่อว่า เดิมยาตัวนี้จะสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนัง แต่ปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายมาก
เนื่องจากหมดลิขสิทธิ์ก็มีการผลิตโดยบริษัททั้งใน และต่างประเทศ ทำให้การควบคุมการใช้ทำไม่ได้ ประชาชนสามารถหาซื้อเองได้ตามร้านขายยา หรือร้านเสริมสวย ดังนั้น จึงขอเตือนว่า ยากินรักษาสิวตัวนี้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ตาแห้ง ปากแห้ง ทารกในครรภ์พิการ โดยในต่างประเทศพบการแท้งได้ถึง 3-20% ในรายที่มีการคลอด หรือมีความพิการแต่กำเนิด 18-47% ซึ่งความผิดปกติพบได้หลายระบบ เช่น กระดูกใบหน้า และศีรษะ ระบบประสาท ระบบหลอดเลือด ต่อมไธมัส นอกจากนี้ อาจทำให้ไขมันในเลือดสูง เพิ่มคลอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์เสี่ยงต่อตับอ่อนอักเสบ สำหรับผู้หญิงที่กินยานี้ ไม่ควรให้เลือด เพราะเลือดนั้นส่งไปให้หญิงตั้งครรภ์อาจเกิดปัญหาได้.