อุทัยฯอ่วมน้ำพิษน้ำป่าหลาก เลี้ยงปลาในกระชังตายอื้อ

คมชัดลึก :อุทัยธานี /อ่างทอง - น้ำป่าหลากทำผู้เลี้ยงปลาในกระชังอ่วม ทั้งกระชังเสียหาย สัตว์น้ำลอยตาย คาดตลอดช่วง 2 อาทิตย์ เขตเมืองอุทัยธานีเสียหายไปแล้วกว่า 3 แสน ที่อ่างทองผู้ว่าฯ ระบุสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง

"ขณะนี้เกษตรกรต้องคอยเฝ้าดูระดับน้ำเป็นรายวัน เพื่อหาทางถอยร่นกระชังเลี้ยงปลานิลแดง หรือปลาทับทิมไม่ให้ถูกน้ำพัดออกไป เพราะหากไม่มีการป้องกันในส่วนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ผลผลิตที่เลี้ยงไว้จะได้รับความเสียหายทั้งหมดจากการถูกน้ำพัด นอกจากปัญหาข้างต้นแล้ว สิ่งที่เกษตรกรยังคงต้องเฝ้าระวังก็คือ เรื่องของคุณภาพน้ำ เนื่องจากน้ำป่าที่หลากมาผสมมีค่าของออกซิเจนที่แตกต่างไปจากน้ำธรรมชาติ ทำให้กระทบต่อปลาที่เลี้ยงไว้ จนทำให้มีปลาตายเป็นจำนวนมาก คาดว่าตลอดลำน้ำในส่วนนี้ที่ผู้เลี้ยงมากกว่า 50 ราย จะเกิดความสูญเสียตลอด 2 สัปดาห์ ที่น้ำป่าหลากมากกว่า 3 แสนบาท"

  
ผู้เลี้ยงรายนี้ กล่าวว่า สภาพน้ำหลากที่ขุ่นและมีสีแดง ส่งผลให้ปลากระชังตายเสียหายจำนวนมาก เพราะถูกตะกอนโคลนเกาะเหงือกปลา ขณะที่การถอยกระชังปลาเข้ามาใกล้ตลิ่งในขณะที่น้ำไหลเชี่ยว บางครั้งยังทำให้กระชังชำรุดตาข่ายขาด ปลาที่เลี้ยงไว้จำนวนมากหลุดออกจากกระชัง หายไปอีกนี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

นายวุฒิชัย เขตทัย เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติการ สำนักงานประมงจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า การตายของปลาในกระชังในระยะนี้

โดยเฉพาะปลาตะเพียน ปลานิลแดง หรือปลาทับทิม เนื่องจากเป็นปลาที่มีความต้านทางโรคและสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพน้ำ อุณหภูมิของน้ำ  ในระดับต่ำ เมื่อได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจึงตาย ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานประมงจังหวัดอุทัยธานี ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เลี้ยงปลา ได้มีการเตรียมตัวป้องกันในหลายด้าน ได้แก่ การทำความสะอาดกระชังเลี้ยง เก็บเศษขยะกิ่งไม้ออกจากกระชัง เตรียมเครื่องช่วยเพิ่มออกซิเจนในกระชัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และภูมิต้านทานของปลา

ที่ จ.อ่างทอง นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า จากที่ได้ออกไปตรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่อ่างทองพบว่ายังไม่ถึงขีดอันตราย ซึ่งระยะนี้ระดับน้ำที่หน้าศาลากลางจังหวัดเฉลี่ยที่  5.70 เมตร ส่วนขีดอันตรายอยู่ที่ระดับ 7.50 เมตร อย่างไรก็ดีได้สั่งให้ทุกฝ่ายเฝ้าติดตามสถานการณ์ทุกระยะ