เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
ภายหลังทราบว่าพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศ เดินทางไปนมัสการอธิษฐานจิตขอพร ขอพลัง โดยการใช้ฝ่ามือแตะนิ้วพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปปูนปั้นใหญ่สุดในโลก เพื่อความสิริมงคลคามความศรัทธา ความเชื่อ
ทั้งนี้ บริเวณลานชั้นสองที่เปิดให้ชมองค์พระอย่างใกล้ชิดพบว่า มีประชาชนทุกเพศทุกวัยทยอยยืนเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อประกอบพิธีดังกล่าว
โดยใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างชูขึ้นไปแตะนิ้วมือขวาขององค์พระที่ห้อยยื่นลงมาแล้วกำหนดอธิษฐานจิตขอพรตามความปรารถนาของแต่ละบุคคล นางรัชนี งามโรจน์ อายุ 42 ปี บ้านอยู่ ต.ท่าช้าง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งพาเพื่อนชาวเยอรมนีเดินทางมาท่องเที่ยวกล่าวว่า การทำบุญและอธิษฐานจิตขอพรเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานแล้ว แต่ไม่ใช่พิธีกรรม ไม่ใช่การบนบานที่ต้องนำสิ่งหนึ่งไปแลกเปลี่ยน มันเป็นความศรัทธาและความเชื่อที่ว่าทำแล้วผลบุญจะเป็นต้นทุนให้ผู้ที่ทำได้รับและเกิดขึ้นได้จริง เมื่อเราทำบุญ ทำทานบ่อยๆ ทำความดี จะได้รับผลการตอบแทนตามที่เราอธิษฐาน ตนเชื่อเช่นนั้น
ส่วนนางทอง ธิเขียว อายุ 65 ปี บ้านอยู่ อ.พาน จ.เชียงราย กล่าวว่า ลูกสาว ลูกเขย พามาเที่ยว จึงกำหนดจิตอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ตัวเองและครอบครัว อย่าเจ็บ อย่าจน ให้สุขภาพแข็งแรง และขอพรให้ยุติปัญหาความขัดแย้งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศสงบโดยเร็ว
ด้านนายเดชา ก่อเกิด นักวิชาการชำนาญการ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อ่างทอง ให้สัมภาษณ์ว่า
การกำหนดจิตอธิษฐานเป็นการตั้งความสำเร็จขึ้นมาในใจ โดยอาศัยบุญที่ทำในแต่ละครั้งมาเป็นต้นทุนหรืองบประมาณ ช่วยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จขึ้นมา เหมือนเราปลูกพืชแห่งความดีลงไป ถึงเวลาผลแห่งความดีจะออกมา แต่ต้องตั้งอธิษฐานให้ดี ชาวบ้านที่ขาดที่พี่งทางใจและหันหน้าเข้าวัดได้ริเริ่มกันเองโดยเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับหลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้ก่อสร้าง เป็นเกจิชื่อดังรูปหนึ่ง ชาวบ้านจึงเชื่อว่าได้นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์บรรจุในองค์พระ ทั้งนี้ ทราบว่า หลายคนที่มากำหนดจิตอธิษฐานประสบความสำเร็จในชีวิต จึงบอกกันปากต่อปาก เท็จจริงอย่างไรพิสูจน์ได้ยาก