วานนี้ (11 ก.ย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีส.ส.พรรคเพื่อไทย
ออกมาระบุว่าพบ รพ.ในภาคอีสาน มีเด็กป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้รับยาต้านไวรัส โอเซลทามิเวียร์ แล้วอาการไม่ดีขึ้น ตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเพราะเชื้ออาจดื้อยา เนื่องแพทย์สามารถเบิกยาไปใช้ในคลินิกโดยไม่มีมาตรฐานการควบคุมว่า ยาโอเซลทามิเวียร์ของกระทรวงสาธารณสุข ถูกใช้ไปน้อยกว่าการใช้ในประเทศอื่น ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะนี้ เป็นการแพร่ระบาดเป็นจุดเล็กๆ ใน 25 จังหวัด ไม่ใช่การแพร่ระบาดใหญ่เหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งใน 25 จังหวัดที่พบการแพร่ระบาด ได้เชิญนายแพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัดมาทบทวนมาตรการ ให้เข้มงวดแนะนำประชาชนล้างมือบ่อยครั้ง เมื่อป่วยให้สวมหน้ากากอนามัย แต่เป็นเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดไม่รุนแรงเท่าปีที่แล้ว เราจึงไม่ได้ทำให้ตูมตาม เพราะเกรงประชาชนจะตื่นตระหนก
“ความรุนแรงปีนี้น้อย ประชาชนก็ไม่ได้ตื่นตัว จำนวนผู้ป่วยลดลง และเรามีระบบเฝ้าระวัง” ปลัดสธ. กล่าวและว่า ส่วนเรื่องเชื้อดื้อยานั้น ตนได้สอบถามไปยังนักวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า เรื่องเชื้อดื้อยายังเป็นปกติ หมายความว่า พบเชื้อดื้อยา 1-2 % ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเชื้อดื้อยาของทั่วโลก และยังไม่พบว่ามีพื้นที่ใดมีเชื้อดื้อยาผิดปกติ
ส่วนการให้ยาโอเซลทามิเวียร์แล้วอาการไข้ไม่ดีขึ้นนั้น ต้องถามว่าที่ไปพบ เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จริงหรือไม่
เพราะอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตัวสามารถเป็นอาการของไข้อื่นได้ อีกทั้งยาโอเซลทามิเวียร์ ต้องให้ภายใน 48-72 ชั่วโมง จึงจะได้ผล ถ้าช้ากว่านั้นยาก็ใช้ไม่ได้ผล จึงได้กำชับให้แพทย์ต้องให้ยาภายใน 48 ชั่วโมง และยืนยันว่า ยาโอเซลทรามิเวียร์ ยังใช้รักษาได้
สำหรับเรื่องผู้ป่วยไข้เลือดออก และไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 จำนวนมาก จนล้นรพ.ต้องให้ผู้ป่วยนอนกับพื้นนั้น
ปลัด สธ.กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเบื้องต้นไปกับผู้ตรวจราชการกระทรวงในพื้นที่ภาคอีสาน ก็ยังไม่พบกรณีดังกล่าว แต่ก็จะตรวจสอบต่อไป.