หลังจากที่ กทม.เริ่มเก็บค่าโดยสารรถเมล์ด่วนพิเศษ บีอาร์ที สายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.53 ในราคา 10 บาทตลอดสาย
ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการลดลงจากวันละ 20,000 คน เหลือเพียงประมาณ 15,000 คนต่อวัน โดยกลุ่มหลักๆที่หายไปคือกลุ่มเด็กนักเรียนที่หันไปใช้บริการรถประจำทางหรือรถเมล์ฟรีแทนนั้น
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ซึ่งบริหารจัดการรถเมล์ด่วนบีอาร์ที
เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เสนอ กทม.ให้พิจารณาแนวทางการกระตุ้นการใช้บริการรถเมล์บีอาร์ทีของประชาชน โดยลดราคาตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษให้แก่กลุ่มนักเรียนและนิสิต-นักศึกษาในราคาต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากได้รับการเรียกร้องจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เพราะ กทม.ยังคงขายตั๋วในอัตราเท่าๆกันทุกคน ทั้งนี้ ระเบียบของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม นั้นกำหนดให้สามารถลดราคาตั๋วโดยสารให้เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการได้ครึ่งราคา หากจะขอผ่อนผัน ให้ต่ำกว่านี้ต้องขออนุญาตและได้รับการอนุมัติจากทางกรมก่อน ซึ่งบริษัทได้เสนอถึงผู้บริหาร กทม. ไปพิจารณาแล้ว และภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าก่อนสิ้นปีนี้เด็กนักเรียนจะสามารถใช้บริการบีอาร์ทีในราคาพิเศษได้
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ได้เสนอแนวทางดังกล่าวให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.รับทราบและอนุมัติหลักการแล้ว
โดยเบื้องต้นจะเสนอให้พิจารณาประกาศให้เด็กนักเรียน พระภิกษุ-สามเณร และข้าราชการบำนาญสามารถใช้บริการฟรี ส่วนผู้สูงอายุและผู้พิการนั้นจะให้ส่วนลดครึ่งราคาทุกระยะทาง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องรายละเอียดแผนภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกและกระทรวงคมนาคมโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องผลกระทบต่อรายได้ที่ กทม.จะได้นั้น คาดว่าไม่น่าจะส่งผลมากนัก เพราะยังถือเป็นรายได้ ที่เข้ามายัง กทม.เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ทุกวันนี้เดือนหนึ่งๆเรามีรายได้เข้ามาประมาณ 10 ล้านบาท หรือกว่า 120 ล้านบาทต่อปี ขณะที่บีอาร์ทีนั้นทำให้เรามีรายได้ ประมาณ 1-150,000 บาทต่อวัน.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
