นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 กันยายน ว่า ตนได้รับรายงานจากทางสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้ระดับน้ำ ใน จ.พระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นมาก ซึ่งกรมศิลปากรได้มีการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถานไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในส่วนโบราณสถานด้านในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่มีเนื้อที่ 1,800 ตารางเมตร นั้น ทางกรมศิลปากร ไม่มีความวิตกกังวลว่าจะมีน้ำเข้าท่วม เพราะได้มีการสร้างเขื่อนถาวรกั้น บริเวณวัดไชยวัฒนาราม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนบริเวณด้านข้างโบราณสถานวัดไชยวัฒนารามที่พบว่ามีน้ำซึมเข้ามาบางส่วนนั้น ก็ได้ใช้เครื่องสูบน้ำออกไปด้านนอกแล้ว นอกจากนี้ในหมู่บ้านโปรตุเกส ที่มีน้ำซึมเข้ามาจากทางด้านล่างของพื้นดิน จนทำให้ท่วมอาคารเก็บโครงกระดูก ก็ให้เจ้าหน้าที่สูบน้ำออกแล้ว
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ในช่วงสัปดาห์หน้า น้ำจะไหลบ่าจากภาคเหนือเข้ามามากกว่านี้ ให้ระดับน้ำในจ. พระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นมาก และคาดว่าอาจจะเข้าท่วมในส่วนโบราณสถานด้านนอก อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้ สำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จัดเตรียมรับมือน้ำที่สูงขึ้น โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ กระสอบทราย และสร้างเขื่อนคอนกรีต เพื่อป้องกันน้ำท่วมโบราณสถาน รวมทั้ง ได้ประสานงานกับทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการปิดประตูน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมภายในโบราณสถาน และหากสกัดน้ำไม่ได้จริงๆ ก็ได้เตรียมหามาตรการในการผันน้ำออกไปด้านนอกบริเวณโบราณสถานแล้ว ส่วนจังหวัดอื่นๆที่ได้รายงานผลกระทบจากน้ำท่วมโบราณสถาน คือ จ. ลพบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี ก็ได้ให้มีการติดตั้งเครื่องระบายน้ำ และกระสอบทรายไว้ป้องกันเช่นกัน
“หลังจากที่น้ำลดลง กรมศิลปากร จำเป็นจะต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ ได้รับรายงานในส่วนโบราณสถานภาคเหนือ แต่ได้รับผลกระทบไม่มาก เพียงแค่หลังคาแตก แผ่นทองหลุดเท่านั้น ก็ได้ให้เร่งในการบูรณะเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีความเสียหายไม่มาก ก็จะใช้งบประมาณฉุกเฉินของกรมศิลปากร ในการบูรณะซ่อมแซมได้ทันที แต่หากได้รับผลกระทบมาก ก็จะต้องของบกลางจากทางรัฐบาลเพื่อใช้ในการบูรณะต่อไป” นายเกรียงไกร กล่าว