สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ จะใช้งบประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการปรับปรุงทางหลวง ทางรถไฟ และทางวิ่งในท่าอากาศยาน เพื่อสร้างงานในในระยะใกล้ และเพื่อปรับปรุงโครงข่ายการคมนาคมของประเทศ
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในฝ่ายบริหารของปธน.โอบามา กล่าวว่า งบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ จะมีการเบิกจ่ายในปีแรก และเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฏหมายคมนาคมระยะ 6 ปี ที่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
ทั้งนี้จะมีการจัดตั้งธนาคารโครงสร้างพื้นฐานขึ้นแห่งหนึ่งภายใต้แผนการนี้ เพื่อระดมเงินทุนจากทั้งรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ รัฐบาลระดับรัฐ รัฐบาลระดับท้องถิ่น และภาคเอกชน มาใช้ในโครงการสำคัญ โดยมีรายละเอียด อาทิ
การบูรณะถนนและสะพานเป็นระยะทาง 150,000 ไมล์ (240,000 กิโลเมตร) การก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาทางรถไฟระยะทาง 4,000 ไมล์ (6,400 กิโลเมตร) ทั้งทางรถไฟแบบความเร็วสูง และรถไฟโดยสารธรรมดา การก่อสร้างใหม่และการบูรณะทางวิ่งในท่าอากาศยาน 150 ไมล์ (240 กิโลเมตร) และการติดตั้งระบบเน็กซ์เจน ซึ่งเป็นระบบการควบคุมการจราจรทางอากาศ โดยจะมีการนำระบบสอดส่องดูแลผ่านดาวเทียมมาใช้ ซึ่งมีควมแม่นยำมากกว่าระบบเรดาร์ภาคพื้นดิน
ทำเนียบขาวระบุว่า แผนการนี้จะส่งผลให้ "มีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก" โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2011 ขณะที่อัตราการว่างงานในกลุ่มคนงานก่อสร้างอยู่ที่ร้อยละ 17 เทียบกับอัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยทั่วสหรัฐฯที่ร้อยละ 9.6
ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมกล่าวว่า งบประมาณก่อสร้างเส้นทางคมนาคม 1 พันล้านดอลลาร์จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานจำนวน 35,000 ตำแหน่ง
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่ออนุมัติงบ 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการคมนาคม และเงินกว่าครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ จะใช้กับถนนและสะพาน โดยจะใช้ในปีงบประมาณที่เริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. นี้ อย่างไรก็ดี วุฒิสภาสหรัฐฯยังไม่ได้ร่างกฏหมายฉบับนี้
การจัดทำร่างกฏหมายปรับปรุงระบบการบินได้หยุดชะงักลง เมื่อสภาคองเกรสปิดสมัยประชุมสภาในเดือนส.ค.
แผนการวงเงิน 5 หมื่นล้านของปธน.โอบามา จะมีขนาดราวสองเท่าของงบประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับใช้ในการคมนาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ