นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เตรียมของบพิเศษจากงบประมาณกลางปี 54
มาใช้จัดงานธงฟ้าราคาประหยัดเพิ่มขึ้น เพื่อดูแลภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป โดยจะเพิ่มความถี่ของงานธงฟ้าให้มากขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค จากแผนเดิมในปีงบประมาณ 54 (ต.ค. 53-ก.ย. 54) ที่มีแผนจัดงาน 394 ครั้ง บนงบประมาณ 104 ล้านบาท แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯ 40 ครั้ง และส่วนภูมิภาคระดับอำเภอ 344 ครั้ง แบ่งจัดเฉลี่ยเดือนละ 17-45 ครั้ง
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณพิเศษสำหรับจัดงานธงฟ้าเพิ่มเติม โดยปี 53 ได้รับงบประมาณพิเศษสำหรับจัดส่วนนี้เพิ่มจากงบปกติ 180 ล้านบาท ขณะที่ปี 52 ก็มีงบกลางมา 1,000 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงเศรษฐกิจซบเซา ส่วนตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและผู้ผลิตสินค้าหลายรายการมีแนวโน้มปรับราคาขึ้น แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีรายได้เพิ่มไม่มาก ดังนั้นจึงน่าจะใช้งานธงฟ้าเป็นกลไกช่วยลดรายจ่ายแก่ประชาชนไปก่อน รวมถึงใช้เป็นช่องทางระบายสินค้าแก่ผู้ประกอบการเพื่อลดต้นทุนการวางจำหน่ายสินค้า และทำให้การขอปรับราคาสินค้าน้อยลง”
ของบต่ออายุโครงการธงฟ้า
สำหรับหลักการจัดงานธงฟ้า เป็นการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายให้ ประชาชนในราคาถูกกว่าท้องตลาด 20-40%
กำหนดจัดงานในสถานที่สำคัญและแหล่งชุมชน เพื่อกระจายสินค้าราคาประหยัดช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง และที่ผ่านมาโครงการนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี แต่ยืนยันว่าโครงการธงฟ้าเป็นโครงการลดค่าครองชีพชั่วคราว ไม่ได้เป็นการทำลายวงจรการค้าตามท้องถิ่นแต่อย่างใด
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่าเตรียมเพิ่มจำนวนอาสาสมัครกระทรวงพาณิชย์
เพื่อเข้าไปช่วยตรวจสอบและดูแลราคาสินค้าให้เป็นไปตามที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนหรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการมากเกินไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำสมาชิกเครือข่ายธงฟ้า ซึ่งมีทั้งแม่บ้านธงฟ้า อาสาสมัคร ธงฟ้า เป็นต้น ที่ช่วยตรวจสอบดูแลราคาสินค้า และแจ้งมาให้กระทรวงพาณิชย์เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
จึงถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสหรือเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค หากผู้บริโภครายใดเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกเอารัดเอาเปรียบก็ขอ ให้แจ้งเบาะแสและรายละเอียดเข้ามาที่สายด่วน 1569
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เข้าไปดูแลเรื่องราคาสินค้าอย่างเข้มงวดเพื่อให้ผู้บริโภคไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมทั้งขอให้เร่งจัดทำฐานข้อมูลให้ชัดเจนและจัดหมวดหมู่เพื่อเข้าไปตรวจสอบและดูแลราคาสินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงกรณีน้ำดื่มที่มีการนำมาหารือกันมากถึงราคาที่เหมาะสม หรือกรณีของนม ที่เกษตรกรได้ร้องเรียนให้ปรับราคาขึ้น โดยทั้งหมดกระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันที่จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ให้ เข้มงวดมากที่สุดและดำเนินการอย่างเร่งด่วน ต่อไป อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า รมว. พาณิชย์จะเดินทางไปยังศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในร้านอาหารด้วย.