สินค้าพาเหรดขอขึ้นราคา

พ่อค้าอ้างต้นทุนการผลิตพุ่งพรวด รัฐแบะท่าปล่อยผีกลัวเศรษฐกิจพัง
   
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้วงการผู้ผลิตและผู้ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำมันพืช ข้าว สารบรรจุถุง เครื่องปรุงอาหาร อาหารบรรจุกระป๋อง ได้หารือในวงในอาจมีการพิจารณาขอขึ้นราคาจำหน่าย หลังสิ้นสุดมาตรการ ตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของกระทรวง พาณิชย์ในเดือนก.ย.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และไม่ได้ขึ้นราคามานานแล้ว ประกอบกับต้นทุนการผลิตตอนนี้ปรับสูงขึ้นมาก
   
“การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ การขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ รวมถึงราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ได้กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าบางรายการอาจปรับขึ้นราคาสินค้าภายหลังมาตรการตรึงราคาสินค้าตามนโยบายนางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ สิ้นสุดลง เพราะเชื่อว่ากระทรวง  พาณิชย์ไม่น่าขอความร่วมมือตรึงราคาต่อไปเป็นครั้ง ที่ 4 จนถึงเดือน ธ.ค.นี้ เพราะอาจเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดเกินไป และขณะนี้ผู้ผลิตใช้วิธีลดขนาดการบรรจุสินค้าชดเชยการแบกรับการตรึงราคาสินค้า”
   
นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในประเทศที่จะเพิ่มขึ้นใน 3-4 เดือน หรือ ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ อาจทำให้ผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงต้องปรับราคาขายข้าวถุงขึ้น อีก กก.ละ 2-3 บาท หรือข้าวถุง 5 กก. ปรับขึ้นอีกถุงละ 10-15 บาท และที่ผ่านมาราคาข้าวถุงในประเทศก็ถือว่าต่ำสุดแล้ว 
   
นางพรทิวา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นโยบายการดูแลราคาสินค้าจะให้ความเป็นธรรมทางการค้าทั้งการดูแลผู้บริโภคและผู้ผลิต

ส่วนนโยบายตรึงราคาสินค้าที่จะหมดเดือนก.ย.นี้ ยังตอบไม่ได้ว่าจะขยายมาตรการหรือไม่ เพราะต้องดูภาพรวมด้านต้นทุนการผลิต การแข่งขันในตลาดของผู้ผลิตด้วย เพราะหากตรึงราคาแล้วผู้ผลิตอยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในระยะยาว
   
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรม การค้าภายใน กล่าวว่า จะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการน้ำมันพืช

เพื่อพิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันพืชบรรจุขวด หลังผู้ประกอบการร้องเรียนถึงต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่สูงขึ้น โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบขยับขึ้นจากราคากก.ละ 22-23 บาท เป็น 25 บาท “ยังไม่มีผู้ผลิตสินค้ารายใดขอปรับ ขึ้นราคา เพราะอยู่ในช่วงขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าตามนโยบายของรมว.พาณิชย์ที่จะสิ้นสุดเดือนก.ย.นี้ แต่หลังจากนี้อาจมีบางสินค้าที่ประสบปัญหาต้นทุนสูงขึ้นขอขยับราคาบ้าง ซึ่งกรมก็กำลังตรวจสอบปัจจัยที่จะ มีผลต่อโครงสร้างต้นทุนสินค้าแต่ละชนิด.