หลายหน่วยอุ้มคนเก็บขยะขายวีซีดีถูกปรับกว่าแสนบาท

สภาทนาย ติงใช้ดุลพินิจ"ผู้ประกอบการ"ไม่ซ้ำคนจน อ.อัยการอาญา ชี้คดีลักซาละเปายกฟ้อง รมว.พม.นำพบสภาทนายช่วยอุทธรณ์"พงศพัศ"จะมอบ5หมื่นใช้หนี้

โดยระบุว่า ดูตามบทบัญญัติ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ มาตรา 38 ห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า จำหน่ายภาพยนตร์ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 200,000 - 1 ล้านบาทนั้น น่าจะต้องดูนิยามคำว่า “ผู้ประกอบการ” ควรจะหมายถึง ผู้ประกอบการเป็นกิจวัตร อาชีพประจำ เช่น เปิดร้านเป็นกิจจะลักษณะหรือไม่ ซึ่งคำนี้น่าจะถือว่าเป็นองค์ประกอบความผิด 


นายสุรัตน์เป็นพนักงานเก็บขยะ หารายได้เสริมโดยปูเสื่อวางแผ่นหนังขาย ไม่น่าจะมีลักษณะเป็นผู้ประกอบการ

ตามความหมายมาตรา38 นอกจากนี้ยังต้องดูเจตนาของผู้กระทำผิดด้วย เช่น หากรู้สำนึกในการกระทำ หรือกระทำโดยประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลอยู่แล้ว ถ้าหากเขาไม่มีเจตนาขายเป็นล่ำเป็นสัน เพียงหาเงินไปซื้อข้าวของเลี้ยงดูบุตร อย่างนี้จะเรียกว่ามีเจตนากระทำผิดหรือไม่ เมื่อเทียบกับคดีเด็กขโมยซาลาเปาในห้างค้าปลีกเมื่อ 10 ปีก่อน อัยการก็สั่งไม่ฟ้องเป็นบรรทัดฐานมาแล้ว อย่างไรก็ดี คดีดังกล่าวนายสุรัตน์ ยังมีสิทธิ์ตามกฎหมายจะยื่นอุทธรณ์ - ฎีกาต่อไป 


“ตำรวจเป็นด่านแรกในการกลั่นกรองคดี ไม่ให้คนต้องถูกลงโทษทางอาญาโดยไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้นคนจนที่ไม่เคยคิดเป็นโจรอาจต้องติดคุก ตำรวจน่าจะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง” โฆษกสภาทนายความกล่าว


อ.อัยการคดีอาญา ยกลักซาละเปาเลี้ยงน้องเคยยกฟ้อง


นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่าได้ติดตามข่าวนี้แล้วแต่ยังไม่ได้เรียกสำนวนมาดู เชื่อว่าที่ศาลมีคำพิพากษานั้น เป็นไปตามการบังคับบทบัญญัติกฎหมายที่สั่งปรับขั้นต่ำสุดแล้ว คือ 200,100 บาท และศาลพิจารณาลดโทษให้เหลือปรับ 133,400 บาท การที่ศาลจะมีคำพิพากษานั้นต้องพิจารณาไปตามข้อกฎหมาย จะใช้ดุลยพินิจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่เป็นไปในทางเดียวกับความรู้สึกของกระแสสังคม ขณะที่การตัดสินคดีเป็นดุลยพินิจของผู้พิพากษาแต่ละคน ส่วนคดีนี้จำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์ในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ขอลดโทษให้เบาลงก็ได้ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจของศาลสูง      


ขณะที่ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่ารู้สึกเห็นใจนายสุรัตน์ น่าเสียดายจำเลยไม่ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาในระหว่างการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ เพื่อพิจารณาว่าต้องเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติม ประเด็นว่านายสุรัตน์มีอาชีพเป็นลูกจ้างกทม. เก็บขยะมาขาย จะเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบกิจการจำหน่าย ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ 


"ความจริงกฎหมายออกมาบังคับใช้ 2 ปีแล้ว แต่คนทั่วไปไม่รู้ หากคำนึงถึงสภาพของคนเก็บขยะอย่างนี้ต้องดูว่าเขาจะมีเจตนาพิเศษไปกระทำผิดตามกฎหมายนี้หรือไม่ จากตัวอย่างคดีนี้อัยการจะทบทวนการวินิจฉัยสั่งคดีในแนวทางไม่ฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมาใช้อย่างเคร่งครัด เช่นคดีเด็กลักซาลาเปา 2 ลูกมาเลี้ยงน้องอดอยาก ที่อัยการเคยสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว" อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าว


"นิพิฏฐ์” เห็นใจเล็งลดโทษปรับผู้ค้ารายย่อย


วันเดียวกันนี้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ความผิดเพราะนำวีซีดีของเก่าไปขายตลาดนัดข้างถนนแผ่นละ 20 บาท เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 โดยตำรวจใช้อำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 อย่างไรก็ตามเฉพาะกรณีดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นความเมตตาของศาล เนื่องจากโทษปรับในคดีดังกล่าวกำหนดไว้ขั้นต่ำ 2 แสนบาท และสูงสุดถึง 1 ล้านบาท 


โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นใจเพราะเชื่อว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างไรก็ตามกรณีนี้จะทำให้สังคมประชาชนทั่วไปได้รู้ว่าการทำสิ่งเหล่านี้ผิดกฎหมาย ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าวมุ่งเอาผิดกลุ่มธุรกิจหรือผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงผู้ทำการค้าขายลักษณะอุตสาหกรรมโดยผิดกฎหมาย


ด้าน นายสมชาย เสียงหลาย เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(กวช.) กล่าวถึงกฎหมายดังกล่าวใช้บังคับมาแล้วกว่า 2 ปี โดยที่ผ่านมา สวช.ได้อนุโลมเพื่อให้เวลากับผู้ประกอบการในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการฯ ตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังมีจำนวนผู้มาติดต่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการฯ น้อยมาก อย่างไรก็ตามการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวในปัจจุบันพบมากตามแผงลอยในตลาดนัดและในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีจำนวนมากและส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต ดังนั้นตนอยากฝากให้ผู้ประกอบกิจการฯ มาดำเนินการยื่นขออนุญาตตามกฎหมายจาก สวช.


"องอาจ"จะนำพบสภาทนาย ช่วยอุทธรณ์คดี
 


เมื่อเวลา 10.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีสมสิทธิ์ คงธนสารสิทธ์ ผอ.สำนักงานเขตสะพานสูง และคณะเดินทางไปที่ห้องเลขที่ 2/1 ชั้น 2 อาคารรุ่งอรุนบ้านเช่า เลขที่ 40/2531 ถนนสุขาภิบาล 2 ซอย 15 แยก 3 ชุมชน 40 ไร่ แขวงและเขตประเวศ เพื่อเยี่ยมนายสุรัตน์ นางส้มโอ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 23 ปี ภรรยา และลูกสาวอีก 2 คน คือ ด.ญ.จันทิมา มณีนพรัตน์สุดา อายุ 7 ขวบ กับ ด.ญ.สกลดา มณีนพรัตน์สุดา อายุ 1 ขวบ 3 เดือน


นายองอาจ กล่าวว่า จะประสานสภาทนายความให้ความช่วยเหลือขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ วันพรุ่งนี้(18 ส.ค.) เวลา 14.00 น.จะให้ทางสำนักงานเขต พาไปสภาทนายความ และส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยากให้ใช้ดุลยพินิจในการจับกุมมากกว่านี้


ด้านนายสุรัตน์ ผู้ต้องคดีกล่าวว่าวันเกิดเหตุตนกับภรรยานำของเก่าเก็บจากกองขยะ เช่น หม้อหุงข้าว กระเป๋า และซีดี 30 แผ่น ไปวางขายแผ่นละ 20 บาท และยังขายใครไม่ได้เลย จนมีตำรวจ 5 นายมาจับกุมไป สน.หัวหมาก ขณะนั้นกลัวมากจึงให้ภรรยาติดต่อพ่อให้ช่วยประกันตัวออกมาสู้คดีดังล่าว


"ผมก็ไม่รู้ว่าขายซีดีต้องมีใบอนุญาต ที่นำมาขายก็เพราะเงินเดือนน้อย ช่วงนั้นเมียกำลังท้องลูกคนที่สองได้ 3 เดือน จึงต้องการหาเงินเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามผมและครอบครัวเคารพการตัดสินของศาล ส่วนเงินประกันตัวเมื่อวานนี้ ต้องขอขอบคุณพี่เชน ทนายความช่วยหาหลักทรัพย์มาประกันตัว" นายสุรัตน์ กล่าว 


นางส้มโอ ภรรยานายสุรัตน์ กล่าวว่าวันที่ถูกจับกุม กำลังนั่งขายอยู่กับสามี

พอตำรวจมาเชิญตัวสามีไปโรงพักก็รู้สึกกลัวมาก ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้ พอตั้งสติได้ก็โทรไปหาพ่อสามีให้ช่วยมาประกันตัวทันที ตนยังไม่มีงานทำ ยังตั้งท้องอยู่ กลัวสามีติดคุกไม่รู้จะหาเลี้ยงลูกอย่างไร 


โฆษกตำรวจ จะมอบ 5หมื่นบาทช่วยใช้หนี้


ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเยี่ยมนายสุรัตน์ และนางส้มโอ และชี้แจงให้ทั้งสองเข้าใจ รวมทั้งวันพรุ่งนี้(18 ส.ค.) ทางสำนักงานเขตจะพานายสุรัตน์ไปสภาพทนายความ ทางตำรวจก็จะส่งตัวแทนไปประสานงานด้วย เพื่อศึกษาแนวทางการต่อสู้คดี 


"ตำรวจชุดจับกุมนั้นเบื้องต้นได้สอบถามจาก ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก ทราบว่าส่วนใหญ่ย้ายออกไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามจะติดตามสอบถามจากชุดจับกุมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบในการใช้กฎหมายจับกุมต่อไป"


พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 เป็นกฎหมายใหม่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สาระสำคํยของข้อกฎหมายมากนัก หลังจากนี้ตำรวจจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ รวมถึงกฎหมายฉบับอื่นที่ออกใหม่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนให้ได้รับทราบถึงเนื้อหาสาระ เพื่อจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป 


"จากการสอบถามนายสุรัตน์ และนางส้มโอ ทราบว่าขณะนี้มีหนี้สินอยู่ 50,000 บาทไปหยิบยืมเงินมาจากญาติเพื่อต่อสู้คดี ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะมอบเงินส่วนตัวจำนวน 50,000 บาทให้กับทั้งคู่นำไปใช้หนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีก" โฆษกตำรวจ กล่าว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์