รมช.สธ. ชงตั้งศูนย์คุมบริโภคเหล้าระดับอินเตอร์ เผยนักสูบ นักดื่มหน้าใหม่ อายุน้อยลงเฉลี่ยแค่ 16. 8 ปี และ 17.2 ปี
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม. ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สาธารณสุข
ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานป้องกันควบคุมโรค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศประมาณ 400 คน เพื่อสรุปผลการดำเนินงานการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบระดับพื้นที่ ว่า พิษภัยที่เกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ทำให้เกิดความพิการและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาฟื้นฟูเป็นจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขได้มอบนโยบายให้กรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานหลัก ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายระดับพื้นที่ ซึ่งมีพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคกระจายอยู่ในทุกจังหวัด ให้บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า ทั่วโลกมีคนสูบบุหรี่ 1,100 ล้านคน มีคนดื่มเหล้าประมาณ 2,000 ล้านคน
ซึ่งประเทศไทยได้เร่งแก้ไขทั้งการบังคับใช้กฎหมาย และการเร่งให้ความรู้ปรับเปลี่ยนค่านิยมของคนไทย เพื่อสกัดนักสูบนักดื่มหน้าใหม่ ผลการสำรวจล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อพ.ศ. 2550 พบคนไทยก้าวสู่วงจรการเป็นนักดื่มนักสูบเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุราในขณะนี้ เฉลี่ยเริ่มสูบเมื่ออายุเพียง 16.8 ปี เริ่มดื่มเฉลี่ย 17.2 ปี ในขณะที่กลุ่มนักสูบ นักดื่มที่อายุ 60 ปีขึ้นไป เฉลี่ยเริ่มสูบอายุ 19.3 ปี เริ่มดื่มอายุเฉลี่ย 23.9 ปี
โดยในปี 2554 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะตั้งศูนย์ประสานงานควบคุมป้องกันการโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างประเทศ
เพื่อพัฒนาเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนข่าวสาร การควบคุมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมทั้งกฎหมายกับต่างประเทศ และปรับข้อมูลข่าวสารให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์และเป็นสากล และสร้างบุคคลต้นแบบหรือไอดอล เป็นบุคคลตัวอย่างที่ผลักดันดำเนินการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเหล้าได้สำเร็จ เพื่อเกิดแรงจูงใจและเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ที่ทุ่มเทเสียสละในการทำงานเพื่อสร้างสังคมไทย เป็นสังคมแห่งการปลอดภัยจากเหล้า ส่วนบุหรี่ตั้งเป้าให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ตั้งแต่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลทุกระดับ เป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2554 ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงาน
ด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2550
พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งมี 51.2 ล้านคน สูบทั้งบุหรี่และดื่มสุราด้วยร้อยละ 14.7หรือประมาณเกือบ 8 ล้านคน โดยมีผู้สูบบุหรี่ 10.8 ล้านคน ในจำนวนนี้สูบทุกวัน 9.4 ล้านคน และมีผู้ดื่มสุรา 14.9 ล้านคน โดยกลุ่มวัยทำงานอายุ 25-59 ปี ดื่มร้อยละ 34 ซึ่งสูงกว่ากลุ่มอื่น ที่น่าห่วงคือ กลุ่มเยาวชนวัยรุ่นมีแนวโน้มการดื่มมากขึ้นพบร้อยละ 22 คือ ดื่ม 2 ล้านกว่าคน เหตุผลที่ดื่มเหล้าอันดับ 1 คือ เพื่อสังคม/การสังสรรค์ร้อยละ 41 รองลงมาคือ อยากทดลองประมาณร้อยละ 30 ส่วนเหตุผลการสูบบุหรี่ อันดับ 1 คือ อยากลองประมาณร้อยละ 55 รองลงมาคือ เพื่อเข้าสังคมประมาณร้อยละ 26
นายแพทย์ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า มาตรการสำคัญในการควบคุมการบริโภคยาสูบที่นำมาใช้ขณะนี้ ได้แก่
ห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ห้ามขายสินค้าหรือให้บริการโดยมีการแจก แถม ให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือแลกเปลี่ยนกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยแจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่นหรือให้บริการอย่างอื่นประกอบ ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องจัดทำภาพและข้อความคำเตือนพร้อมเบอร์โทรเลิกบุหรี่ 1600 ลงบนซองบุหรี่ซิกาแรต ห้ามแจกผลิตภัณฑ์ยาสูบในลักษณะเป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อให้แพร่หลายหรือจูงใจสาธารณชนให้เสพผลิตภัณฑ์ยาสูบนั้น ห้ามโฆษณาสินค้าที่ใช้ชื่อหรือเครื่องหมายผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นเครื่องหมายของสินค้านั้นในลักษณะที่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ รวมทั้งห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ไม่แสดงภาพและข้อความคำเตือน .