เข็น วานิลลาดีวีดี สู้แผ่นผี

ยักษ์ใหญ่ผู้จัดจำหน่ายแผ่นดีวีดีในเมืองไทย ปรับทัพเข็นแผ่น "วานิลลา ดีวีดี" สู้กับแผ่นผีที่กุมตลาดถึง 90% ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่าและลดราคาลงมาใกล้เคียงกัน ลดขั้นตอนการใช้แผ่นที่ยุ่งยาก เปิดปุ๊บเล่นได้เลย เจาะตลาดคนกลุ่มใหญ่...

นายนิติ ถาวรวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคททาลิสท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เจาะตลาดโฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ใหม่ ด้วยการแนะนำแผ่น "วานิลลา ดีวีดี" ออกสู่ตลาด เป็นภาพยนตร์ลิขสิทธิจาก "ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์" ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ระดับโลก แนวคิดนี้ทางทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ได้นำไปใช้ในตลาดรัสเซียเพื่อแก้ปัญหาแผ่นดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์จนประสบความสำเร็จมาแล้ว ออกมาในรูปแบบภาษารัสเซียและลดราคาลงมาใกล้เคียงกับแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ จนตีตลาดได้อย่างน่าพอใจ สำหรับในเมืองไทยถือว่าเป็นประเทศที่ 2 และใช้เวลากว่า 1 ปีในการทดลองทำตลาด ทั้งประเภทภาพยนตร์ ราคา และเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์

"แผ่นดีวีดี วานิลลา ถูกปรับแต่งให้เล่นง่ายๆ ไม่ต้องเข้าไปในเมนูใดๆให้ยุ่งยาก สัดส่วนภาพที่แสดงออกมาจะเป็นแบบ 4®3 หรือภาพเต็มจอ ขณะที่แผ่นดีวีดีทั่วไปที่มีหลายฟังก์ชั่น ซึ่งคอภาพยนตร์จะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายนี้ เพราะจะออกมาเฉพาะเสียงพากย์ไทยและมีราคาถูก กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มคนทั่วไปซึ่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สามารถนำไปชมได้ ขณะที่คุณภาพของภาพและเสียงไม่แตกต่างจากดีวีดีระดับพรีเมียม ซึ่งถือเป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อแทนแผ่นผีที่มีคุณภาพต่ำมาก"

นายนิติกล่าวว่า ตลาดแผ่นวานิลลา ดีวีดี ไม่ใช่สำหรับทุกคน กลุ่มคนที่ชอบชมเสียงภาษาอังกฤษจะไม่ใช่กลุ่มนี้ แต่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เคยซื้อและเล่นแผ่นวีซีดี ซึ่งแม้ว่าจะมีเครื่องเล่นดีวีดี แต่กลับเล่นแผ่นดีวีดีน้อยมาก ขณะที่ดีวีดีให้คุณภาพเหนือกว่ามากทั้งภาพและเสียง คาดว่าการเล่นไม่ยุ่งยากและราคาแผ่นถูกลง ซึ่งที่ผ่านมา แผ่นดีวีดี วานิลลา ภาพยนตร์เรื่องอวตาร ประสบผลสำเร็จมาก มียอดจำหน่ายสูงถึง 350,000 แผ่น และได้นำหนังเก่าและหนังไทยออกมาขายในรูปแบบนี้ 60-70 เรื่อง

"ขณะนี้ผู้บริโภคยังมีความรู้เรื่องดีวีดีวานิลลา ในระดับน้อยมาก ทางบริษัทได้เริ่มประชาสัมพันธ์ทางสื่อและหน้าร้าน เพราะบางคนไม่แน่ใจว่าราคาที่ขายนี้เป็นแผ่นผีหรือไม่ โดยราคาหนังใหม่ตั้งไว้ที่ 169-179 บาท และหนังเก่า 99 บาท ซึ่งอยากให้ผู้บริโภคได้ทดลองถึงคุณภาพที่แตกต่างกัน" 

นายนิติกล่าวต่อว่า บริษัทมีความมั่นใจ การที่ตลาดตอบรับดีในการสู้กับแผ่นดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะลดราคาลงไปสู้โดยตรงไม่ได้ เพราะมีต้นทุนการดำเนินการทั้งค่าลิขสิทธิ์ ภาษี การผลิต แต่ก็อาศัยจิตสำนึกของคนขายและผู้บริโภคทั้งหลายว่าการสนับสนุนแผ่นผีเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เงินที่ได้ไปจากการขายไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง ไม่ได้กลับคืนสู่สังคม ซึ่งทางบริษัทดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อที่จะต่อสู้กับแผ่นผี 

สำหรับตลาดโฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ในเมืองไทยนิยมซื้อแผ่นวีซีดีมากกว่าแผ่นดีวีดี แต่ปัจจุบันความต้องการเริ่มเปลี่ยนแปลงไป สัดส่วนตลาดวีซีดีเริ่มลดลงตามเครื่องเล่นที่ปัจจุบันเครื่องวีซีดีไม่มีจำหน่ายแล้ว    และเชื่อว่าส่วนสำคัญมาจากตลาดดีวีดีเริ่มถูกลงจนใกล้เคียงกับราคาแผ่นวีซีดีซึ่งจากตัวเลขของบริษัทจากสัดส่วนการขายวีซีดี 80% และดีวีดี 20% ในปี 2551 เปลี่ยนเป็น 65% และ 35% ในปีที่ผ่านมา จนล่าสุดยอดขายอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น คาดการณ์ว่าในอีก 2 ปี ยอดขายแผ่นวีซีดีจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามดูว่าอนาคตของแผ่นวีซีดีจะเป็นอย่างไรต่อไป

ปัจจุบันภาพรวมตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่มีลิขสิทธิ์ในเมืองไทย มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับตลาดแผ่นผีคิดเป็นเพียง 10% เท่านั้น โดยบริษัทยูไนเต็ด โฮม เอ็น-เตอร์เทนเมนท์ และบริษัทแคททาลิสท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มีส่วนแบ่งประมาณ 30% ในปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,100 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 ประมาณ 10%

อย่างไรก็ตาม นายนิติกล่าวอีกว่า ธุรกิจในปีนี้คาดว่าทั้งสองบริษัทจะมีรายได้รวมกันเติบโตประมาณ 15% จากปีที่ผ่านมา หรือเป็นมูลค่า 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดเช่าในธุรกิจโฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ผ่านมามีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วนอยู่ที่ 25% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 15% ในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการดูแผ่นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพและราคาถูกลงมากขึ้น โดยในส่วนของบริษัทยูไนเต็ด โฮม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทแคททาลิสท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) มีสัดส่วนตลาดเช่าอยู่ที่ 60-70%.

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์