กระทรวงพาณิชย์ควรพิจารณาเพิ่มค่าการตลาดหรือปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายถุง 1 กก. เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง.....
นายชลัส ชินธรรมมิตร์ คณะทำงานแก้ไขน้ำตาลขาดแคลนในคณะกรรมการ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาล เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์น้ำตาลในประเทศที่ตึงตัวจะคลี่คลายลง แต่ยอมรับว่าน้ำตาลบรรจุถุง 1 กิโลกรัม (กก.) ที่จำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าหรือโมเดิร์นเทรดยังคงมีปริมาณไม่มากนัก ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องจากโรงงานน้ำตาลที่บรรจุถุงจำหน่ายเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าได้รับค่าการตลาดต่ำจึงไม่จูงใจให้เกิดการบรรจุถุง 1 กก. มาวางจำหน่าย ดังนั้น การแก้ไขปัญหานี้กระทรวงพาณิชย์ควรพิจารณาเพิ่มค่าการตลาดหรือปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายถุง 1 กก. เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
"ผู้บรรจุถุง 1 กก. เฉลี่ยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นถุงละ 85 สตางค์-1 บาท ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ควรจะบวกค่าต้นทุนดังกล่าว แต่กระทรวงพาณิชย์กลับควบคุมราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 23.50 บาทต่อ กก. ทั้งที่การขึ้นราคาน้ำตาลถุงไม่ได้เป็นภาระประชาชนมากนัก เพราะเฉลี่ยต่อคนบริโภคน้ำตาลต่อเดือนก็ไม่เกิน 1 ถุง กก. จึงส่งผลให้ผู้ผลิตหันไปจำหน่ายน้ำตาลถุงละ 50 กก.ที่คุ้มกว่าแทน"
สำหรับความคืบหน้าการจำหน่ายน้ำตาลโควตาพิเศษที่กระทรวงอุตสาหกรรมจัดสรรให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการจำหน่าย 800,000 กระสอบ
ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์มารับไปจำหน่ายเพียง 200,000 กระสอบ ซึ่ง 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลก็ไม่สามารถตอบแทนได้ว่าเพราะเหตุใดการจำหน่ายน้ำตาลในสัดส่วนของกระทรวงพาณิชย์จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ผลิตน้ำตาลบรรจุถุง 1 กก. เพื่อสร้างแบรนด์มี 3 ราย ประกอบด้วย
ค่ายน้ำตาลมิตรผล วังขนาย และกลุ่มไทยรุ่งเรือง ซึ่งภายหลังห้างสรรพสินค้ามีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณน้ำตาลบรรจุถุง 1 กก. ยังคงเท่าเดิมเฉลี่ยรวม 400,000 กระสอบเท่านั้น ทำให้แต่ละสาขาของห้างจะมีน้ำตาลไม่กี่ถุง
ดังนั้น แนวทางแก้ไขคือ ควรปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำตาลถุง 1 กก. ให้ครอบคลุมกับต้นทุนของผู้บรรจุ
แนะพาณิชย์แก้ลำน้ำตาลทรายแพง
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!