เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าว จ.อุตรดิตถ์ รายงานว่า ช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา
มีค้างคาวกินผลไม้จำนวนมาก ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ถ้ำจัน เขตอุทยานแห่งชาติคลองตรอน หมู่ 1 บ้านน้ำหมีใหญ่ ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ บินออกจากถ้ำจันบุกไปกินผลไม้ลำใย พันธ์อีดอ ในสวนเกษตรของชาวบ้านพื้นที่ ต.หาดล้า และ ต.จริม อ.ท่าปลา ปลูกเอาไว้จำนวนกว่า 2,000 ไร่ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนชาวบ้านตั้งฉายาให้กับค้างคาวนี้ว่า ค้างคาวอีดอ ค้างคาวชนิดนี้มีตาใหญ่โต และมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 200-500 กรัม
นายลำพัง วงศ์ชัย ประธานกลุ่มไม้ผลตำบลหาดล้า กล่าวว่า พื้นที่ตำบลหาดล้ามีการเพาะปลูกลำใยพันธ์อีดอมาแล้วกว่า 30 ปี
มีพื้นที่ปลูกประมาณ 1,500 ไร่ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกลำใย จำนวน 253 ราย ได้ผลผลิตประมาณ 140 ตัน มากเป็นอันดับหนึ่งของอำเภอ ผลผลิตส่งขายให้กับพ่อค้าใน จ.ลำพูน และตลาดไท กรุงเทพ "ปีนี้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอเพราะแล้งมาก ผลลำใยออกลูกได้ผลเล็กกว่าปกติเกือบเท่าตัว แถมผลผลิตทีได้ก็น้อยกว่าในทุกปี 50-70% ปีนี้ แล้งมาก ไร่ที่ปลูกลำใยเอาไว้จำนวน 250 ต้น ผลผลิตที่ออกประมาณ 5 ตัน ถูกฝูงค้างคาวบินออกมาหากินในช่วงเวลา 5 ทุ่มถึงตี 2 ทั้งที่เปิดไฟฟ้าเอาไว้ แต่ก็ไม่วายโดนบุกเข้ากินจนไม่เหลือลูกผลดีให้ไว้เลย ช่วงแรกที่พบเห็นก็รีบนำประทัดมาจุดเพื่อขับไล่แต่ฝูงค้างคาวก็ไม่กลัวยังคงใช้เท้าเกาะกิ่งแล้วห้อยหัวลงกัดกินผลลำใยอย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับทิ้งเปลือกลำใยล่ลงมาสู่โคนต้นไม้ บางก็ใช้เท้าหิ้วหอบผลลำใยไปกินที่อื่นด้วย เหตุผลที่โดนค้างคาวบุกทำลายเยอะในครั้งนี้ เพราะสวนติดกับพื้นที่บ้านมีไฟฟ้าใช้ คิดว่าค้างคาวจะกลัว จึงไม่มีการใช้ตาข่ายสูงดักค้างคาว ทำให้เกิดความสูญเสียมาก "
ชาวบ้านคาดว่า ฝูงค้างคาวฝูงดังกล่าวบินมาจากถ้ำจัน อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์
เป็นเพราะความแห้งแล้งบริเวณที่ฝูงค้างคาวเคยออกหากินไม่มีพืชผักหรือขาดแคลนอาหาร จึงเลือกที่จะบินไกลกว่า 60 กิโลเมตร มากัดกินลำใยของชาวสวนจนเสียหาย เหตุเพราะลำใยพันธุ์อีดอมีเนื้อหนา รสชาติหวาน จึงเป็นอาหารที่ค้างคาวชื่นชอบ