ลดค่าโดยสารใต้ดิน1บาทไม่ส่งผล ผู้โดยสารเท่าเดิม

บีเอ็มซีแอล เผยหลังเก็บอัตราค่าโดยสารใหม่ที่ลดลง 1 บาท พบปริมาณผู้โดยสารทรงตัววันละ 2 แสนเที่ยว แต่รายได้เพิ่มเป็นวันละ 5 ล้านบาทจากการยกเลิกส่วนลด ส่วนการเปิดทดลองเดินรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ไม่ช่วยกระตุ้นผู้โดยสารรถไฟเอ็มอาร์ที...

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายชาติชาย ประดิษพงษ์ ผู้อำนวยการงานส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรม บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล (BMCL)

ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล หรือรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทเริ่มจัดเก็บอัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการปรับลดอัตราค่าโดยสารลง 1 บาท เป็นเริ่มต้นที่ 15-40 บาท จากเดิม 16-41 บาท พบว่าปริมาณผู้โดยสารยังคงทรงตัว คือ วันธรรมดาจำนวน 200,000 คนต่อเที่ยว วันเสาร์-อาทิตย์ จำนวน 120,000 คนต่อเที่ยว

อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นวันละประมาณ 5 ล้านบาท จากเดิม 4.6-4.7 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกส่วนลดสำหรับบัตรเติมเงิน เพราะเห็นว่าอัตราค่าโดยสารใหม่ปรับราคาลงแล้ว และได้จัดโปรโมชั่นให้กับผู้โดยสารโดยนำบัตรโดยสาร 30 วัน แบบไม่จำกัดเที่ยวและระยะทาง กลับมาจำหน่ายในราคาใบละ 1,200 บาท

ส่วนกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดทดลองเดินรถไฟในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์

ซึ่งมีโครงข่ายเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีนั้น ไม่พบว่าปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากการเชื่อมต่อโครงข่ายดังกล่าว เนื่องจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ยังไม่เดินรถเต็มระบบ และลักษณะการเชื่อมต่อระหว่างสถานีของรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีและแอร์พอร์ตลิงก์ ยังไม่ได้ก่อสร้างทางเชื่อมให้แล้วเสร็จ ผู้โดยสารจึงยังไม่ได้รับความสะดวก

"การเปิดเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ไม่ได้ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เชื่อว่าเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ เปิดให้บริการจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์เพิ่มขึ้นแน่นอน" นายชาติชาย กล่าว อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอโครงการสายสีม่วง บริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณผู้โดยสารโดยการจัดโปรโมชั่นร่วมกับเจ้าของอาคาร สำนักงาน และอาคารที่พักอาศัย ที่ปลูกสร้างบริเวณแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยปีนี้มีอาคารสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยเปิดใหม่กว่า 10 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาคารจะใช้รถไฟฟ้าประมาณ 6-7%