เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายวัชระ ทิพย์พิลา รองผู้ว่าฯลพบุรี เดินทางไปตรวจดูสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
เมื่อเดินทางไปถึงและพบว่า พื้นที่ภายในเขื่อนซึ่งเคยมีน้ำท่วมขัง ปัจจุบันน้ำเหลือน้อยมาก พื้นที่บางแห่งมีพื้นดินโผล่ขึ้นมา และพื้นดินบริเวณติดกับสันเขื่อนฯซึ่งเคยถูกน้ำท่วมมีต้นหญ้าขึ้นเต็มบริเวณ
นายวัชระกล่าวว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์หลังก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มกักเก็บน้ำกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อถึงเวลาหน้าแล้ง น้ำในเขื่อนก็จะไม่แห้งเหมือนในปีนี้ ซึ่งน่าที่จะพูดได้ว่าอยู่ในภาวะวิกฤตเลยทีเดียว คิดแล้วน่าใจหายอย่างมาก ซึ่งไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะถึงแม้ว่าจะเร่งดำเนินการทำฝนเทียม ฝนที่ตกลงมาก็ไม่ตกเหนือเขื่อน แต่กลับไปตกท้ายเขื่อนแทน ซึ่งต้องเร่งดำเนินการหาทางแก้ไขต่อไป
นายบุญชอบ หอมเกสร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กักเก็บน้ำได้ระดับสูงสุด 960 ล้านลบ.ม.
แต่ขณะนี้เหลือน้ำ 75.30 ล้าน ลบ.ม. หรือ 7.81 % ของปริมาณเก็บกักทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกท้ายเขื่อนได้กว่า 1 สัปดาห์แล้ว ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่า จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชผักหรือทำไร่ได้อย่างไร เพราะไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวต่อว่า สำหรับประตูระบายน้ำออกท้ายเขื่อนมี 3 ประตู ทุกประตูปิดหมดเนื่องจากไม่มีน้ำที่จะระบาย โดยสภาพพื้นที่ภายในเขื่อนปัจจุบัน มองดูแล้วเหมือนกับแม่น้ำป่าสักในอดีตเป็นอย่างมาก คือเป็นแม่น้ำและสองฝั่งเป็นพื้นดิน สภาพไม่เป็นเขื่อนกักเก็บน้ำแต่อย่างใด