เกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ เดือดร้อนหนักกล้ายางขาดแคลนและราคาแพง ถูกกว้านซื้อไปปลูกอีสานหมด
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมวินสตาร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางในจ.สงขลา นำโดย นายสุรศักดิ์ มณี หนึ่งในแกนนำเกษตรกรชาวสวนยางในจ.สงขลา รวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาและเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางพาราในภาคใต้ที่กำลังประสบปัญหากล้ายางพาราขาดแคลนและมีราคาสูง โดยมาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการคือการเพิ่มเงินกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางซึ่งขณะนี้มีอยู่หลายพันล้านบาท และจ่ายค่าชดเชยให้กับเกษตรกรที่โค่นต้นยางพาราและขอทุนปลูกใหม่ในราคาต้นละ22 บาท จากราคากลางที่ทางกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ่ายให้เกษตรกรต้นละ18 บาท
เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากภาวะพันธุ์ยางขาดแคลนและมีราคาสูง โดยยางตาเขียวต้นละ17 บาท ขณะที่ยางพร้อมปลูกต้นละ40 บาท หากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือเรื่องเงินค่าชดเชยกล้ายางเกษตรกรก็ไม่สามารถหาซื้อกล้ายางมาปลูกใหม่ได้
ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลได้เห็นชอบโครงการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ทั่วประเทศระยะที่3 อีก8 แสนไร่ ทำให้มีการกว้านซื้อต้นกล้ายางพาราไปปลูกในพื้นที่ภาคอีสานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกษตรกรที่โค่นยางพาราและขอทุนปลูกยางใหม่ไม่สามารถปลูกได้ รวมถึงเกษตรกรที่ประสบปัญหายางตายในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมาก็ไม่มีกล้ายางที่จะนำมาซ่อมแซม
ขณะที่แนวทางที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางใช้วิธีแจกเมล็ดพันธุ์ไปปลูกในแปลงและส่งเสริมให้เกษตรกรติดตาเองนั้นต้องใช้เวลาเป็นปีซึ่งไม่ทัน และนี้ก็ยังไม่สามารถปลูกยางใหม่ได้อย่างแน่นอน ขณะที่หากต้องเลื่อนปลูกไปในปีหน้าเชื่อว่าต้นทุนในการปลูกยางพาราจะสูงขึ้นกว่านี้ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อนมากขึ้น
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหากล้ายางพาราขาดแคลนนั้นได้ตั้งข้อสังเกตุว่าคนในรัฐบาลน่าจะได้รับผลประโยชน์จากการรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการขยายโครงการเพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราต่อยอดจาก1 ล้านไร่ เป็นอีก8 แสนบาท จึงได้มีการกว้านซื้อต้นกล้ายางพาราในพื้นที่ภาคใต้แบบไม่อั้นก่อนหน้าที่โครงการดังกล่าวจะคลอดออกมาและให้ราคาสูงจากต้นละ14 บาทเป็น17 บาท เจ้าหน้าที่แปลงกล้ายางส่วนใหญ่จึงเทขายเพราะได้ราคาดี.