พาณิชย์คุมไข่ไม่อยู่ราคาแพง

นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่จะคลี่คลายลงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

หลังจากที่สภาพอากาศเริ่มเย็นตัวลง ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่อากาศร้อนผิดปกติทำให้แม่ไก่ผลิตไข่น้อย และผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง 20% สวนทางกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอม ส่วนกระแสข่าวไข่ไก่ราคาฟองละ 4 บาท อาจเป็นแค่ร้านค้ารายย่อยตามตรอก ซอยที่มียอดขายวันละแผง จึงไม่สามารถนำมาเป็นราคาอ้างอิงได้ และวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมคณะกรรมการไข่ไก่ ซึ่งมี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดูแลการผลิต และจำหน่ายไข่ไก่ทั้งระบบ

“ไม่ต้องทำอะไรราคาไข่ไก่ก็จะลดลงไปเองจากนี้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ แต่ที่จะประชุมหารือกัน คือ การจัดระเบียบทั้งระบบให้ชัดเจนในทางปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค เพราะราคาไข่ไก่ที่เพิ่มขึ้นขณะนี้จะส่งผลให้ปริมาณบริโภคลดลงตามไปด้วย” นางวัชรี กล่าว และว่า ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ในภาวะปกติตกเฉลี่ยฟองละ 2.25 บาท แต่ช่วงอากาศร้อนผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง 20% ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็นฟองละ 2.45-2.50 บาท ดังนั้น การกำหนดราคาจำหน่ายที่ฟองละ 2.80 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงมีกำไรเฉลี่ย 10-14% ส่วนต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้มาจากผลผลิตลด และราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น หลังจากราคาธัญพืช เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และปลายข้าวเพิ่มสูง โดยปัจจุบันผู้เลี้ยงไก่ไข่ในระบบ ประกอบด้วยผู้เลี้ยงรายย่อย 20,000 ราย และผู้เลี้ยงรายใหญ่ เช่น ซีพี เบทาโกร คิดเป็นสัดส่วน 50:50 ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยวันละ 25 ล้านฟอง

“ยืนยันว่า หลังจากหารือกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายไข่ไก่เมื่อต้นเดือน มิ.ย. ขณะนี้ได้ข้อสรุปให้กำหนดราคาจำหน่ายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละ 2.80 บาท มีผลเมื่อ 14 มิ.ย. ส่งผลให้สถานการณ์ราคาเริ่มนิ่งแล้ว ซึ่งราคาจำหน่ายของผู้ค้าไข่ไก่ทั่วไปปัจจุบันจะเฉลี่ยที่ราคาขายส่งฟองละ 3 บาท ขายปลีก 3.30 บาท นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้กำหนดแผนนำไข่ธงฟ้าออกจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค”

นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า

สิ่งที่รัฐควรเข้ามาดูแลตอนนี้ คือ ดูแลผู้เลี้ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้น เพราะผลผลิตที่ลดลงจากภาวะอากาศ และต้นทุนเลี้ยงสูงขึ้น ทำให้ผลผลิตลดลง 20% หรือปริมาณลดลงวันละ 2-3 ล้านฟอง และมีผลต่อราคาแพงขึ้น แต่หากเทียบกับราคาอาหารประเภทอื่นก็ถือว่าเหมาะสม.