เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ผู้สื่อข่าว จ.สตูล รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 7 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ว่า วัวที่เลี้ยงไว้ 56 ตัว ตายลง 2-3 วันต่อ 1 ตัว ทั้งๆ ที่วัวมีสุขภาพดีแข็งแรง
ตอนนี้วัวที่นำไปปล่อยในทุ่งหญ้า หมู่ 1 ต.ควนขัน ตายไปแล้ว 4 ตัว หากรวมพื้นที่ใกล้เคียงมีวัวตายแล้วประมาณ 10 ตัว ชาวบ้านสงสัยว่ามีคนนำยามาเบื่อวัวดังกล่าว เพราะลักษณะท้องพองขึ้นอืดทันทีที่ตายลงไม่กี่นาที และมีสภาพเหมือนกันทุกตัว และก่อนหน้านี้มีวัวที่ตายเพราะไปกินกล้วยที่มียาพิษ เพราะคนร้ายต้องการซื้อซากวัวที่ตาย เพราะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะไม่รับประทานเนื้อวัวที่เสียชีวิต จึงมาขอซื้อในราคาถูกแล้วนำไปขายได้กำไรหลายเท่าตัว แทนที่จะซื้อวัวเป็นที่มีราคาสูงมาก ตัวละเกือบ 20,000 บาท โดยทำเป็นขบวนการจะมี 3 กลุ่มกลุ่มแรกจะตระเวนขอซื้อวัว กลุ่มที่ 2 จะเข้ามาวางยาเบื่อ และกลุ่มที่ 3 จะเข้ามาซื้อวัวในราคาถูกแล้วนำไปชำแหละขายตามท้องตลาด
นายบีอี อาดำ อายุ 71 ปี กล่าวว่า ก่อนวัวจะตายมีผู้พบเห็นรถยนต์กระบะป้ายแดงมาวนเวียนบริเวณดังกล่าวแล้วขับออกไป
เมื่อมาดูอีกครั้งก็พบว่าวัวตายเสียแล้วและไม่นานก็จะมีคนมาถามหาซื้อวัวที่ตาย แต่ตนไม่ขาย รอให้คณะกรรมการมาตรวจสอบ เพราะภายในเดือนนี้วัวในพื้นที่และรวมทั้งวัวละแวกใกล้เคียงตายไปแล้วประมาณ 10 กว่าตัว
ด้านนายเหม มาสา อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ควนขัน กล่าวว่า ในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน
แต่วัวที่ตายในพื้นที่จากการตรวจสอบพบว่ามีปัญหามาจากผลประโยชน์ของกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสที่จะซื้อซากวัวที่ตายลง เพราะจะซื้อในราคาตัวละประมาณ 1,000-2,000 บาทหรือต่ำกว่านั้น หากนำไปชำแหละขายก็จะได้ตัวละ 10,000 บาท และจากการตรวจสอบพบว่า วัวที่ตายนั้นถูกพิษอย่างใดอย่างหนึ่งตายแน่นอน ซึ่งต้องพิสูจน์เพราะวัวที่ตายตามปกติลักษณะการตายท้องจะไม่พองขึ้นอืดแบบนี้ และหลังจากที่ตายลงทุกตัวจะมีคนมาขอซื้อ ซึ่งเขารู้อย่างไรว่าวัวที่นี่ตายตลอด ทั้งยังเป็นวัวของผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ที่ตายแล้วด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสงสัยอย่างมาก คือจะมีคนที่มาขอซื้อวัวและมีคนมาวนเวียนและตามมาด้วยการเข้ามาขอซื้อวัว ซึ่งเรื่องนี้ตนให้ชาวบ้านที่วัวต้องตายลงในลักษณะดังกล่าวได้ไปแจ้งความเพื่อเอาโทษต่อไป