นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ราคาทองคำในประเทศปรับลดลงบาทละ 150 บาท ซึ่งเป็นไปตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ลดลง หลังวันที่ 21 มิ.ย. ทำสถิติสูงสุดทะลุ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้ เพราะมีแรงขายออกมา ทำให้ราคาทองปรับฐานลงมา จึงคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ราคาทองคำในตลาดโลกอาจเข้าสู่การปรับฐานก่อน จากนั้นจะขยับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งประเมินว่าเป็นไปได้ยากที่ราคาทองคำในประเทศจะแตะบาทละ 20,000 บาท เนื่องจากยังมีปัญหาหนี้ในยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ ไม่ดีเท่าที่ควร มีผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นราคาทองคำในประเทศจึงถูกลง อีกทั้งมองว่าขณะนี้ราคาทองคำในตลาดโลกยังไม่สามารถผ่านระดับ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ไปได้ หรือยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ติดต่อกัน 1-2 วัน ทำให้มีโอกาสน้อยที่ราคาจะไปแตะระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณบาทละ 20,000 บาทได้
“ปีนี้เป็นไปได้ยากที่ราคาทองคำจะอยู่ที่บาทละ 20,000 บาท เว้นแต่เกิดเหตุฉุกเฉินกรณีที่ปัญหาหนี้ในกรีซได้ลุกลามไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วยุโรป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ราคาทองคำปรับขึ้นถึงบาทละ 2,000 บาท ส่งผลให้มีลูกค้าหันมาเทขายทองคำมากขึ้นคิดเป็นมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าส่วนใหญ่ได้หันมาลงทุนและเก็งกำไรในตลาดทองคำในรูปแบบเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้นโดยจะซื้อเมื่อราคาลดลง และเทขายเมื่อปรับสูงขึ้น โดยขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ลูกค้าจะเริ่มกลับเข้าซื้อทองคำ ดังนั้น ควรรอให้ราคาต่ำกว่าระดับบาทละ 19,000 บาทจึงเข้าซื้อ”.