คมชัดลึก : "มาม่า" ขายกระฉูด รับวิกฤติการเมืองช่วงประกาศเคอร์ฟิว ต่อถึงฟุตบอลโลก เผย พ.ค.ยอดสูงสุดในรอบ 20 ปี เร่งเพิ่มกำลังผลิต ออกรสใหม่ “เย็นตาโฟ ต้มยำหม้อไฟ” ขยายตลาด ดันส่วนแบ่งตลาด 55% จากตลาดรวม 1 หมื่นล้าน
นายสุรัตน์ เกตุรัตนกุล ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ 2 บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมือง ส่งผลต่ออารมณ์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะการออกนอกบ้าน ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิวเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถออกจากบ้านได้ตามปกติ จึงมีการซื้อสินค้ากักตุนจำนวนมาก และหนึ่งในสินค้าที่มีการกักตุน คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จึงส่งผลให้ยอดขาย "มาม่า" พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี
สำหรับเดือนที่มีการทำสถิติสูงสุดนี้ คือ เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
โดยมาม่ามีการเติบโตถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ นอกจากสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว ส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ยอดขายในเดือนที่ผ่านมาเติบโตก็คือ การมีฟุตบอลโลกในเดือนมิถุนายน ที่เชื่อว่าผู้บริโภคก็มีการซื้อมาม่ากักตุนไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกนี้ ยังส่งผลให้ยอดขายมาม่าประเภทถ้วย หรือมาม่าคัพ เติบโตมากกว่าปกติคือ 20% เนื่องจากมาม่าคัพสะดวกต่อการรับประทาน
“เรามีการทำวิจัยกับผู้บริโภคพบว่า สินค้าประเภทมาม่ามีบทบาทกับสังคมพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ผู้บริโภคจะนึกถึงสินค้า 2 อย่าง คือ น้ำดื่ม และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะมาม่าสามารถกินได้ทันที อีกทั้งยังหาซื้อสะดวกและราคาไม่แพง ดังนั้นมาม่าจึงถูกนำไปเป็นดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภค เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ผู้บริโภคก็จะหาซื้อสินค้ามาตุนไว้ หนึ่งในนั้นก็คือมาม่า” ผู้บริหารกล่าว
นายสุรัตน์กล่าวต่อถึงภาพรวมในช่วง 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม) ว่า มาม่ามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8%
ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “มาม่า รสเย็นตาโฟ ต้มยำหม้อไฟ” ซึ่งเป็นการเปิดตัวในทั้ง 3 แบบ คือ เส้นหมี่ บะหมี่ และแบบถ้วย ซึ่งปกติบริษัทจะไม่เน้นการเปิดครบทั้ง 3 แบบ แต่ครั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลบอลโลกฟีเวอร์ ที่ส่งผลให้แบบถ้วยจำหน่ายได้มากกว่าปกติ
ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีแผนเปิดตัวรสชาติใหม่ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
เนื่องจากอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ซึ่งโดยปกติแล้วการที่บริษัทจะออกรสชาติใด จะต้องทำการศึกษาตลาดอย่างละเอียด แต่มั่นใจว่าสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้ จะมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และสามารถผลักดันส่วนแบ่งการตลาดของมาม่าให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 53% เป็น 55% จากตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับมาม่าเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทสหพัฒนพิบูล คิดเป็นสัดส่วนที่ 30% จากยอดขายรวมทั้งหมดที่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 2.4 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 17%
มาม่าขายกระฉูดยอดพุ่งรับเคอร์ฟิว-บอลโลก
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!