ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ และ ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ นักวิชาการจากภาควิชาการฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พร้อมด้วย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ได้จัดแถลงข่าวเพื่อตอบคำถามสังคมไทยที่กังวลต่อการล่มสลายของโลกขึ้น หลังจากมีกระแสข่าวหนาหูผ่านทางฟอร์เวิร์ดเมล จนต่อมากลายเป็นอีเมลลูกโซ่ ว่า โลกใกล้จะถึงกาลอวสารในปี 2012 เนื่องจากภัยพิบัติ หายนะต่างๆ ประกอบกับ "ปฏิทินของชาวมายา" กำหนดวันสุดท้ายไว้ที่ 22 ธ.ค. 2012
ดร.สธน กล่าวว่า ตามฟอร์เวิร์ดเมลได้ อ้างองค์การนาซ่ามีรายงานว่า แกนโลกพลิกขั้ว โดยสนามแม่เหล็กจะสลับขั้ว
ทำให้ต้านทานคลื่นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ได้นั้น ความจริงแล้ว สนามแม่เหล็กบนโลกเคยสลับมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดเกิดเมื่อ 7 แสนปีที่แล้ว ซึ่งมีผลต่อการใช้เข็มทิศ อาจทำให้การเดินเรือยุ่งยากไปบ้าง แต่ขณะนี้เราใช้ระบบ GPS แล้ว จึงอยู่ในระดับควบคุมได้
ส่วนการเรียงตัวของดาวเคราะห์นั้น ดาวทุกดวงยกเว้นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มีแรงดึงดูดน้อยมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่ดาวดวงอื่นจะส่งผลต่อโลก แม้แต่ดวงจันทร์เองก็มีผลกระทบแค่น้ำขึ้นน้ำลงเท่านั้น ซึ่งการเกิดแผ่นดินทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่มีครั้งใดเลยที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน
ด้านผศ.พงษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ปรากฎการณ์ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ก็ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโลก
ทั้งช่วงสนามแม่เหล็กผุดขึ้นบนพื้นผิวดวงอาทิตย์มามาก หรือน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือสึนามิได้ แต่อาจส่งผลต่อระบบไฟฟ้ากำลัง เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้"คลื่นวิทยุ"ในการทำงาน
"ในปี 1989 โลกเราได้รับผลกระทบ เกิดการรบกวนสนามแม่เหล็ก ทำให้ประจุในอากาศเปลี่ยน ส่งผลให้ทิศทางการส่งคลื่นวิทยุจากดาวเทียม หรือGPS เปลี่ยนแปลง เช่นการส่งสัญญาณถึงเครื่องบินคลาดเคลื่อน อาจสับสนต้องบินอ้อมเส้นทางแทนเส้นทางตรง แต่ไม่มีอะไรโยงตรงๆ กับการแผ่นดินไหวเลย" นักวิชาการจากภาควิชาการฟิสิกส์ กล่าว
ผศ.พงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีดาวบางดวงที่กำลังดับสูญได้ระเบิดอย่างรุนแรงและส่งรังสีแกมมาออกมา อาจกระทบโลกนั้น มีโอกาสน้อยมาก
เพราะดาวที่ระเบิดต้องอยู่ไม่ไกลและมุมที่ระเบิดต้องส่องมายังโลกพอดี โอกาสที่เราจะเจอน้อยมาก โลกเราเกิดมา 4,000 พันล้านปียังไม่เคยเจอสักครั้ง โอกาสเกิดเทียบได้กับการที่เราใช้แสงเลเซอร์ยิงมดบนดวงจันทร์ "ถ้าโดนจริงๆ ก็ไม่ต้องคิดมาก คงไม่มีทางแก้ใดๆ เพราะรังสีแกมมาเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง เราคงไม่มีแม้แต่เวลาคิดเพื่อเอาตัวรอด วันหนึ่งที่เราจะไปก็ต้องไป การเชื่อมโยงกับปรากฎการณ์แผ่นดินไหวหรือสึนามิคงเป็นไปไม่ได้"
ดร.สธน กล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปเราต้องคำนึงถึงกาลามสูตร (หลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงสอน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ) อยากให้ทุกคนไตร่ตรองดูก่อน
"ปัญหาของเราคือ เรามีคนมีชื่อเสียงดูเหมือนเชื่อได้ แต่อยากให้ไตร่ตรอง คิดให้ดู ต้องฟังหูไว้หู อย่าเชื่อเพราะเชื่อต่อกันมา อย่าเชื่อเพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ" นักวิชาการจุฬาฯ กล่าว



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday