นายอาณัติ อาภาภิรม ที่ปรึกษากรรมการ บ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส
กล่าวถึงกรณีที่บีทีเอสได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ว่า ตั้งแต่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาอยู่ในย่านราชประสงค์ ทำให้การเดินรถของบีทีเอสต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้โดยสารด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงนำยางรถยนต์มาวางบนรางรถไฟฟ้าสถานีชิดลม ทำให้รถไฟฟ้าต้องหยุดเดินรถทุกขบวนในช่วงเช้า
ส่วนในช่วงเย็นก็มีการหยุดเดินรถก่อนเวลาปกติ รวมแล้วเป็นเวลากว่าสัปดาห์ ซึ่งในส่วนของรายได้ของบริษัทจากเดิมที่วิ่งปกติ
ทางบริษัทจะมีรายได้ประมาณวันละ 10 -11 ล้านบาท แต่กลับหายไปประมาณวันละ 1 ล้านบาท หากประเมินแล้วถือว่าไม่กระทบกับผลกำไรมากนัก เพราะการหยุดให้บริการเร็วกว่าปกติเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่ขณะนี้ก็กลับมาวิ่งให้บริการถึงเวลาเที่ยงคืนเช่นเดิมแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ต้องยอมรับว่ามีจำนวนผู้โดยสารน้อยกว่าปกติ แต่ขณะเดียวกันบางวันก็มีผู้โดยสารมากกว่าปกติเช่นกัน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า จากการประเมินคาดว่ารายได้ของบีทีเอส หายไปประมาณร้อยละ 15
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้รถไฟฟ้าต้องหยุดวิ่งบริการในบางวันและหยุดให้บริการเร็วกว่าปกติ แต่บริษัทยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ร้อยละ 85 ต่อวัน ทั้งนี้ หากประเมินถึงตัวเลขรายได้ คาดว่าบริษัทจะเสียหายวันละประมาณ 1.5 ล้านบาทโดยประมาณ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ลากยาวไปเรื่อยๆ คาดว่าบริษัทอาจเสียหายถึงหลัก 100 ล้านบาท