กรุงเทพฯ 10 พ.ค. - บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในช่วงเปิดภาคการศึกษาปี 2553
ภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมยังเป็นปัญหาสำหรับบรรดาผู้ปกครอง แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ที่ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองบางส่วนไปแล้วก็ตาม โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมปี 2553 ในกรุงเทพฯ คาดว่าจะเกิดเงินสะพัดสูงถึง 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2-3 ค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากบรรดาผู้ปกครองปรับพฤติกรรมการซื้อ เน้นนโยบายประหยัดค่าใช้จ่าย ซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และการเพิ่มงบประมาณโครงการเรียนฟรี 15 ปี ในปีการศึกษา 2553 เป็น 7.3 หมื่นล้านบาท จากในปีการศึกษา 2552 ที่ใช้งบประมาณเพียง 1.83 ล้านบาท โดยการแจกหนังสือ/ตำราเรียนฟรี แทนการให้ยืมเรียน และต้องคืนเมื่อจบภาคการศึกษา รวมทั้งเพิ่มงบประมาณให้กับสถานศึกษา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายสมทบที่ทางสถานศึกษาเรียกเก็บเพิ่มจากบรรดาผู้ปกครอง ซึ่งก็ช่วยลดภาระของผู้ปกครองได้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างบางรายยังมีค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีการศึกษาที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในส่วนของค่าใช้จ่ายสมทบและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คือ สถานศึกษาบางแห่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสมทบเพิ่มขึ้น และผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยส่งบุตรหลานเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษ เช่น หลักสูตรการเรียนสอนภาษา หลักสูตรนานาชาติ เป็นต้น โดยยินดีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายของหลักสูตรเหล่านี้จะสูงกว่าหลักสูตรปกติประมาณ 2-3 เท่าตัว ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นคือค่าเรียนพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมบุตรหลานเข้าสู่การแข่งขันสำหรับเข้าสู่สถานศึกษาที่มีชื่อเสียง และค่าใช้จ่ายในการซื้อดอมพิวเตอร์/โน้ตบุ๊ก เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องใช้ในการค้นหาข้อมูลและจัดทำรายงาน ในขณะที่จำนวนคอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน
สำหรับแหล่งที่มาของเงินใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ซึ่งแม้ว่าบรรดาผู้ปกครองส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
แต่ก็มีบรรดาผู้ปกครองเกือบร้อยละ 20 ต้องพึ่งพาเงินจากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะการเปียแชร์ เงินกู้ยืม และการใช้บริการโรงรับจำนำ ส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการศึกษา และโรงรับจำนำมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอมเช่นกัน.- สำนักข่าวไทย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
