ช้างงวงรั่ว!ดูดน้ำไหลโจ๊ก

สลด! ช้างป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บาดเจ็บงวงรั่ว ชาวบ้านเข้าไปหาของป่าเห็นกับตา ช้างกำลังดูดน้ำในลำธาร น้ำไหลทะลักเป็นสายจากข้างๆ งวง หัวหน้าอุทยานไม่เชื่อ ระบุมีคนไม่หวังดีปล่อยข่าวหวังทำลายชื่อเสียงองค์กร ยันส่งจนท.ตรวจสอบแล้วไม่พบช้างบาดเจ็บลักษณะดังกล่าว ขณะที่สัตวแพทย์พิสูจน์จากรูปถ่าย เชื่อช้างบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์ที่งวง จี้ค้นหาตัวมารักษาด่วน เพราะอาจติดเชื้อกลายเป็นช้างงวงรั่วตลอดไป

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าขายว่า พบช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังใช้งวงกินน้ำอยู่ในแอ่งน้ำบริเวณหน้าที่ทำการหน่วยป่ายาง โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าสงวนอุทยานแห่งชาติ ป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งพบว่างวงช้างมีรอยแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ เวลาช้างพ่นน้ำเข้าปาก น้ำจะไหลรั่วออกจากบาดแผลทุกครั้ง

สอบถามนายชลธร ชำนาญคิด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือ มีคนปล่อยข่าวสร้างความเสียหายให้กับองค์กรเท่านั้น เรื่องนี้ถ้าเป็นจริงหากพบเห็นควรแจ้งทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้ตรวจสอบ พร้อมได้ขอให้ผู้สื่อข่าวนำภาพที่ถ่ายได้ไปให้ตรวจสอบที่อุทยานฯ ซึ่งเบื้องต้นยืนยันว่าได้ให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ออกตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่พบช้างบาดเจ็บกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด

ร.ต.สุ่น หมวกเมือง ประธานชมรมอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวก็ทราบมาเหมือนกันแต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ทั้งนี้ หากมีช้างป่าบาดเจ็บก็ต้องเร่งติดตามพฤติกรรม เพื่อแจ้งให้ทางสัตวแพทย์กรมอุทยานฯมารักษาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าเกิดเหตุการณ์ในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา มีการลักลอบนำจั่นห้าวไปดักสัตว์ แต่ไม่อยากพูดว่าดักสัตว์อะไรจนมีชาวบ้านรวมไทยไปหาของป่าและโดนจั่นห้าวเสียชีวิต ซึ่งทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีทั้งช้างป่า กระทิงหลายฝูง และเสือโคร่ง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าในโครงการพระราชดำริ

นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ รอง.ผวจ.ประจวบฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ทราบ เพราะหากมีช้างป่าบาดเจ็บจริง อุทยานแห่งชาติกุยบุรีควรรายงานให้ทราบ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีก็จะต้องตรวจสอบว่ามีจริงตามที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งหรือไม่ เพราะเรื่องพวกนี้คงไม่มีใครโกหกกัน เพราะภาพก็ฟ้องอยู่แล้ว

ด้านสัตวแพทย์หญิงสกุลแก้ว ยาคำ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์หัวหิน กล่าวภายหลังตรวจสอบภาพดังกล่าว ยอมรับว่าบริเวณปลายงวงช้างด้านล่างขึ้นมาประมาณ 1 ฟุต ดูแล้วพบว่ามีสภาพคล้ายมีบาดแผลฉีกขาด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด นอกจากนั้นยังระบุว่าเมื่อดูภาพแล้ว น่าจะเป็นไปได้ว่าฉีกขาดไป 1 ช่อง เนื่องจากภายในงวงช้างจะแบ่งออกเป็น 2 ช่องด้วยกันอีกทั้งลักษณะบริเวณปากแผลยังสามารถมองเห็นเนื้อสีขาวขุ่น อาจจะได้รับบาดเจ็บมานานและแผลอาจเกิดการติดเชื้อ ซึ่งหากช้างยังคงใช้งวงกินน้ำและพ่นน้ำอยู่อย่างนี้ แผลอาจเปื่อยติดเชื้อได้ และแผลจะไม่มีโอกาสกลับมาติดกันเหมือนเดิมได้ ก็จะทำให้ช้างป่าตัวนี้งวงรั่วตลอดไป

นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือหากบริเวณปลายงวงช้างที่ได้รับบาดเจ็บนั้น และยังคงสัมผัสกับน้ำหรือกินน้ำอยู่เรื่อยๆ อาจทำให้บริเวณปากแผลฉีกขาดกว้างขึ้น ซึ่งในขั้นตอนของการรักษา ทางที่ดีทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ต้องรีบติดตามหาช้างตัวที่บาดเจ็บให้พบโดยเร็ว หากพบเจอทางทีมสัตวแพทย์ของกรมอุทยานฯ และทีมของเขาใหญ่ ทีมอ่างฤๅไน

ก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ไปดำเนินการรักษา ซึ่งหากพบตัวคงต้องใช้วิธีการยิงยาสลบ หลังจากนั้นตรวจสอบบาดแผลหากเย็บได้ก็ดำเนินการทันที หลังจากนั้นก็ปล่อยกลับเข้าป่าได้ทันที ส่วนสาเหตุของบาดแผลจะเกิดจากอะไรคงไม่สามารถพูดได้ ต้องเห็นจากบาดแผลจริงๆ จึงจะระบุได้ เพราะปกติแล้วงวงช้างถือเป็นส่วนสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณบ่อน้ำภายในโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวนป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีช้างป่าแบ่งออกเป็นโขลงย่อยๆ ประมาณ 15-20 ตัว และบางโขลงประมาณ 20-40 ตัว

อีกทั้งยังมีลูกช้างเป็นจำนวนมากลงมากินและเล่นน้ำในบ่อโครงการพระราชดำริ ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีในช่วง 4 โมงเย็นเรื่อยไปจนถึงช่วงค่ำ ส่วนบางโขลงเมื่อเล่นน้ำเสร็จแล้วก็จะเล่นฝุ่นหรือกินดินโป่ง ทำให้ขณะนี้มีบริษัททัวร์ในหัวหิน ต่างพากันขายโปรแกรมดูช้างป่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สนใจ ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่า มีการลักลอบล่าสัตว์ป่าโดยเฉพาะกระทิง ซึ่งมีไม่น้อยกว่า 30 ตัวในขณะนี้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด