ยอมลดจาก 25 20-ซื้อเหล้าได้

"พิจารณาเนื้อหาบางประเด็นใหม่"


ความคืบหน้าการเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ถูกตีกลับในการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาเนื้อหาบางประเด็นใหม่อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. มีการประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ในที่ประชุมครั้งนี้กลับไม่มีการหารือเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีแต่การหารือเรื่องการรณรงค์การลดดื่มสุรา

โดยภายหลังการประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่าที่ประชุม ครม.ได้หารือเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาล และช่วงที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาเรื่องอุบัติเหตุและเชื่อมโยงการดื่มสุรา แม้กระทั่งปัญหาน้ำท่วมที่มีผู้ตกน้ำและเสียชีวิต ส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากเมา ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้หยิบยกมาหารือในที่ประชุม ครม.ว่าควรจะรณรงค์การลดดื่มสุราอย่างจริงจัง เพราะไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ จะมีผู้เสียชีวิตจากการดื่มสุราค่อนข้างมาก อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดยาว ก็เกิดจากการดื่มสุราเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีข้อมูลทางการแพทย์ที่สามารถยืนยันได้ ที่ประชุมจึงได้หาทางที่จะดำเนินการลดยอดผู้เสียชีวิต เนื่องจากอุบัติเหตุและการดื่มสุรา

"เห็นด้วยในหลักการ"


หลังจากนั้นนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม ได้เชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุวิทย์ ยอดมณี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ มาประชุมกลุ่มย่อยเป็นครั้งแรก นับจากที่ ครม.มอบหมายให้ไปดำเนินการตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยที่ประชุมกลุ่มย่อย เห็นด้วยในหลักการของร่าง พ.ร.บ. เพียงแต่มีข้อสังเกตในการนำกฎหมายไปบังคับใช้ รวมถึงวิธีการปฏิบัติว่าจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ จึงให้กระทรวงสาธารณสุขหารายละเอียดเพื่อเสนอข้อมูลและทำความเข้าใจให้ชัดเจนกับ ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ที่ประชุม ครม.ได้หารือถึงร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในประเด็นการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับอายุของผู้ซื้อ จากเดิมที่ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้กำหนดไว้ที่ 25 ปี ซึ่งที่ประชุมได้แสดงความเห็นหลากหลาย โดยมีการสนับสนุนอายุทั้งที่ 25 ปี 22 ปี 20 ปี แต่ไม่มีใครเห็นด้วยที่จะกำหนดอายุที่ 18 ปี สุดท้ายที่ประชุมมีมติเห็นควรให้กำหนดอายุการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลอายุ 20 ปี ตามเกณฑ์การบรรลุนิติภาวะ โดยให้ผู้ขายขอดูบัตรประชาชนก่อนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งโดยปกติต้องขอดูอยู่แล้ว เนื่องจากบางคนมีใบหน้าอ่อนกว่าอายุจริง

"แก้ปัญหาด้วยการขึ้นภาษีสุรา"


รมว.สาธารณสุขกล่าวด้วยว่า สำหรับรายละเอียดที่จะมีการแก้ไขในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรคไปปรับปรุงก่อนเสนอเข้า ครม.อีกครั้ง ซึ่งคงไม่ทันในสัปดาห์หน้า แต่คาดว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ หมายถึงกฎหมายผ่าน ครม.สามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ซึ่งถ้ากฎหมายจะล่าช้าคงเป็นขั้นตอนของกฤษฎีกา ที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาพอสมควร นพ.มงคลกล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องของอายุที่จะสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้ว ที่ประชุม ครม. ยังได้หารือในประเด็นเม็ดเงินที่หายไปจากธุรกิจโฆษณาผ่านสื่อ ประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อมีการห้ามโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงงบประมาณที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สนับสนุนการกีฬาและอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เงินที่ได้จากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่จำนวนเงินที่สูงมาก

และไม่ใช่งบประมาณที่ยั่งยืน ที่ประชุมส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการขึ้นภาษีสุราและบุหรี่หรือภาษีบาป เพื่อนำเงินมาสนับสนุนกีฬา โดยถ้าหักภาษีจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไว้ประมาณร้อยละ 2 รัฐจะได้เงินเพิ่มอีกประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งหากจะดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว สามารถทำได้ด้วยการออกกฎหมายใหม่ หรือแก้ไขกฎหมายของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จากเดิมที่หักภาษีเหล้าบุหรี่ไว้ร้อยละ 2 เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นร้อยละ 4 โดยอีกร้อยละ 2 ให้เป็นการสนับสนุนการกีฬา ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้โดยส่วนตัวเห็นว่าการแก้กฎหมายน่าจะทำได้ง่ายกว่าการออกกฎหมายใหม่

"หวั่นจะมีผลบังคับใช้ได้จริงหรือไม่"


ที่ประชุมมีความกังวลว่า เมื่อมีการปรับแก้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอาจต้องเชิญผู้ประกอบการทุกฝ่ายมาหารือ เพราะการเพิ่มมาตรการใหม่ และการบังคับใช้ กฎหมายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจจะต้องเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการเสนอความเห็นในประเด็นต่างๆก่อนออกเป็นกฎหมายอีกครั้ง นพ.มงคลกล่าวและว่า ส่วนเรื่องของการจัดโซนนิ่ง หรือสถานที่ที่เป็นเขตดื่มสุรา หรือปลอดสุรานั้น มีการพูดถึงประเด็นเรื่องของสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะบนเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าสายการบินมีทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ควรอนุญาตให้ดื่มได้

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ที่โรงแรมเรดิสัน เครือข่าย นักศึกษา 60 สถาบัน พร้อมด้วยตัวแทนสมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิงหน้าสถานศึกษา หารือร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลเรื่องการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดย น.ส.สาลินี รัตนชัยสิทธิ์ อุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การห้ามโฆษณาเลยจะทำให้ขาดการสื่อสาร เพื่อให้ความรู้ระหว่างกัน นักดื่มหน้าใหม่จะเลียนแบบจากผู้ใหญ่ที่ดื่มโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่เท่าทันแอลกอฮอล์ ว่าควรดื่มอย่างไรให้มีความรับผิดชอบ เช่น ดื่มไม่ขับ ทั้งเห็นว่าการควบคุมอายุนั้น ควรห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ ให้กับผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี น่าจะเหมาะสม เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว มีวุฒิภาวะพอที่จะพิจารณาได้ว่าอะไรเหมาะสม อะไรไม่เหมาะสม

"ห้ามโฆษณาไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง"


เช่นเดียวกับนายบุญช่วย ทองเจริญพูลพร เลขาธิการสมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐฯ กล่าวว่า ทางสมาพันธ์ฯ ร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมภัตตาคารไทย มีความเห็นตรงกันว่า การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ควรจะใช้วิธีการควบคุม โดยจะมีการรวบรวมรายชื่อร้านค้าปลีก สถานบริการที่ตั้งอยู่บริเวณสถานศึกษา และลงนามร่วมกันว่าจะไม่ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทั้งจะตรวจบัตรประชาชนผู้ที่จะเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง หากร้านค้าใด หรือสถานบันเทิงใดไม่ปฏิบัติตาม จะให้สถานศึกษาส่งหนังสือคัดค้านการต่อใบอนุญาตไปยังกรมสรรพสามิต เพื่อไม่ให้ต่อใบอนุญาตร้านค้า สถานบริการในปีต่อไป

นายบุญช่วยกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการโฆษณา ทางสมาพันธ์ฯเห็นว่าควรควบคุมที่เนื้อหาโฆษณามากกว่า โดยหลังจากนี้จะหารือกับนักวิชาการ สมาคมโฆษณาเกี่ยวกับเนื้อหาการโฆษณาแอลกอฮอล์ และให้สภาทนายความเป็นตัวกลางชี้แจงต่อรัฐบาล เพราะกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้าของกระทรวงสาธารณสุข เป็นกฎหมายที่สร้างความเหลื่อมล้ำ และการแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นปัญหาที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันแก้ ไม่ใช่หน้าที่ ของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่จะออกกฎหมายห้ามฝ่ายเดียว

"ผู้ผลิตปรับแผนรับ พรบ.เหล้า"


ในส่วนของผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับกลยุทธ์รับประกาศห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว โดยนางวิมลวรรณ อุดมพร รองประธานฝ่ายรัฐกิจ กฎหมาย และนิเทศสัมพันธ์ บริษัทริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้จำหน่ายสุรานำเข้า จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนการตลาดใหม่ เพื่อรองรับกับ พ.ร.บ.ห้ามโฆษณาที่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ โดยมีความเป็นไปได้ว่า จะโยกงบโฆษณาเพื่อสังคมของแต่ละแบรนด์เข้ามารวมกับงบคอร์ปอเรทของบริษัท เพื่อจะได้จัดสรรงบและรูปแบบการทำงานให้เป็นในทิศทางเดียวกัน และถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนแผนการทำตลาดในอนาคต คงต้องรอดูความชัดเจนของกฎหมายที่ออกมามีผลบังคับใช้ก่อน คาดว่าจะต้องใช้เวลา 6-7 เดือน ถึงเห็นภาพรวมก่อนที่ปรับแผนการตลาดใหม่อีกครั้ง

นางวิมลวรรณกล่าวอีกว่า การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายต่อจากนี้ไป คงต้องใช้วิธีการสื่อสารตรงผ่านทางไดเร็กเมล์ รวมถึงการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ที่ปัจจุบันยังทำได้ และเพื่อสนองตอบนโยบายรัฐเรื่องการห้ามโฆษณา ล่าสุดบริษัทตัดสินใจปลดป้ายการรณรงค์เมาไม่ขับ บนตึกใบหยก ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล ตามสัญญาจะหมดลงใน ก.พ. 2550 แต่จะปลดป้ายในเดือน พ.ย.นี้เลย และคาดว่าทุกแบรนด์คงรอจนวินาทีสุดท้ายถึงจะปลดป้ายออก เพราะทุกอย่างจ่ายเงินไปหมดแล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลังจากวันที่ 3 ธ.ค. จะไม่มีป้ายโฆษณาเหล้าเบียร์ ให้เห็นแน่นอน เพราะไม่คุ้มที่จะยอมเสียค่าปรับเหมือนในอดีต เนื่องจากกฎหมายใหม่มีบทลงโทษทั้งแพ่งและอาญา จากเดิมที่แค่ปรับเท่านั้น


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์