นายจตุพล เกียรติระบิล ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เอสปรี บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น
เปิดเผยว่า ผลกระทบจากร้านแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์เอสปรี ในสาขาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ต้องปิดให้ช่วงระหว่างเดือน มี.ค.-เม.ย. หลังมีกลุ่มชุมนุมเสื้อแดงมาชุมนุมใหญ่บริเวณราชประสงค์ ไม่กระทบต่อยอดขายรวมของบริษัทมากนัก เพราะผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย หันไปเลือกชอปปิงในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวแทน ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสูงกว่า 100% รวมรายได้แบรนด์เอสปรีในไตรมาสแรกปีนี้มี รายได้เติบโตกว่า 2 หลัก
ขณะที่แผนตลาดของเอสปรีในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าคอล เลกชันใหม่เข้ามาทำตลาดในชื่อ ซัมเมอร์ ตามแนวทางเดียวกับเอสปรีในต่างประเทศ
และได้เปิดตัวกิจกรรมทางการตลาดภายใต้แคมเปญ เอสปรี แรลลี ชอปปิง เพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายซื้อสินค้าแฟชั่นในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วย โดยแคมเปญนี้เริ่มรับสมัครตั้งแต่วันนี้-พ.ค.นี้ คาดว่าจะได้ผู้ชนะจากการแข่งขันผ่านแคมเปญช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ และทีมผู้ชนะได้รับรางวัลเงินสด 150,000 บาท ซึ่งมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีแผนเปิดให้บริการร้านต้นแบบแฟชั่นแบรนด์เอสปรีขนาดใหญ่ 2 สาขา ในไทย คาดมีพื้นที่ให้บริการไม่ต่ำกว่า 400-600 ตร.ม. จากปัจจุบันร้านเอสปรี เปิดให้บริการ 100 จุดขายทั่วประเทศ
“ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น กระทบต่ออารมณ์ในการจับจ่ายของผู้บริโภคให้ชะลอจับจ่ายใช้สอยออกไป แตกต่างจากต้นปี ผู้บริโภคชาวไทยยังมีกำลังซื้อดีอยู่ต่อเนื่องจากต้นปีและมองว่าหากสถานการณ์คลี่คลายกลับคืนมาโดยเร็วเชื่อว่าอารมณ์ซื้อผู้บริโภคน่าจะกลับคืนมาเร็วแน่นอน”.