ขรก.ทั่วไทยวางพวงมาลา ´วันปิยะมหาราช´ รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ

"จุดเทียนถวายราชสักการะ"


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นาย มานิต วัฒนเสน ผวจ.สตูล พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาด จ.สตูลนำ ผู้พิพากษา หัวหน้าศาล หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมวางพวงมาลาและจุดเทียนถวายราชสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5

หรือวันพระปิยะมหาราชที่หอประชุมสตูลวัฒนา ศาลากลางจ.สตูล เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและมีการยืนสงบนิ่งเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจอันใหญ่ หลวงของพระองค์ท่าน ทั้งในด้านการพัฒนาประเทศตลอดจนพระอัจฉรียภาพอันก้าวไกลนำความเจริญมาสู่ประเทศ อีกทั้งยังทรงห่วงใยประชาราษฎร์ยกเลิกระบบทาสให้ราษฎรณ์ได้หลุดพ้นจากความเป็นทาสให้ประเทศมีความ เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ

"ร่วมงานจำนวนมาก"


ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ นายสมพร ใช้บางยาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานพิธีวางพวงมาลาเนื่องปิยะมหาราช วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของปวงชนชาวไทย คือเป็นวันปิยะมหาราช ด้วยเป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งราชจักรีวงศ์ โดยมีบรรดาข้าราชการ

พ่อค้าประชาชน นักเรียนนักศึกษาตลอดจนประชาชนทั่วไป ทำพิธีวางพวงมาลาและถวายราชสักการะเนื่องในวันปิยมหาราช ต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเลิกทาส และก่อกำเนิดสิ่งสาธารณูปโภคให้กับคนไทย อาทิ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์

"มอบทุนการศึกษาเทิดพระเกียรติ"


เช่นเดียวกับ ที่ห้องประชุมอำเภอเบตง หัวหน้าส่วนราชกาลทหาร ตำรวจและประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมระลึกพระคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ จัดพิธีถวายมงคลพระบรมรูปของพระองค์ อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์และในวันเดียวกันชุมนุมนิสิตเก่าจุฬาฯ -เบตง

ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีความประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นปีที่ 30 เพื่อเทิดพระเกียรติพระนามจุฬาลงกรณ์ อันเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่พระองค์พระราชทานก่อกำเนิดจนมาถึงปัจจุบัน เป็นการสนองพระราชปณิธานในการส่งเสริมการศึกษาขอชาติโดยในปีนี้ทางชุมนุมนิสิตเก่าจุฬา - เบตงได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน 28 ทุนด้วย

"การจัดงานในสถานที่ต่างๆ"


ขณะที่ลานอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ศาลากลางหลังเก่า อ.เมือง จ.เชียงราย หน่วยงานและกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ได้ทยอยนำพวงมาลามาวางหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 นำโดย นายอุดม พัวสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการนำหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนร่วมกันวางพวงมาลาดอกไม้สด ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีประชาชนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก รวมทั้งส่วนราชการ ที่ทยอยนำพวงมาลาดอกไม้สดมาร่วมพิธี อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่หน้าอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ศาลากลางจังหวัดเนื่องด้วยวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของปวงชนชาวไทย คือเป็นวันปิยมหาราช ด้วยเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งราชจักรีวงศ์ นายชวน ศิรินันพร ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้นำบรรดาข้าราชการ พ่อค้าประชาชน นักเรียนนักศึกษาตลอดจนประชาชนทั่วไป ทำพิธีวางพวงมาลา และถวายราชสักการะเนื่องในวันปิยมหาราช ต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเลิกทาส เป็นพระกรณียกิจสำคัญที่ทำให้ทรงได้รับพระราชสมัญญว่าพระปิยมหาราชโดยทรงใช้เวลาในการนี้ถึง 31 ปี

"รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ"


ที่ จ.ร้อยเอ็ด นายประวัติ ถีถะแก้ว รองผู้ ผวจ.ร้อยเอ็ด รักษาราชการ ผวจ.ร้อยเอ็ด ได้นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มพลังมวลชน มูลนิธิ องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรชาวร้อยเอ็ด กว่า 2 พันคน นำดอกไม้ธูปเทียนพวงมาลา มาถวายบังคมต่อพระบรมราชานุสรณ์ ขององค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระปิยมหาราช ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพัฒนาการศึกษา การทหาร การสื่อสาร การรถไฟ

และทรงโปรดให้มีการเลิกทาส โดยมิได้มีการเสียเลือดเนื้อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชของปวงชนชาวไทย เสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 เมื่อมีพระชนมายุ 58 พรรษา รวมเวลาอยู่ในสิริราชสมบัตินับได้ถึง 42 ปีเศษ การจากไปของพระองค์ยังความโศกเศร้ามาสู่พสกนิกรของพระองค์โดยทั่วหน้า เมื่อถึงวันคล้ายวันสวรรคต จึงพร้อมใจกันนำพวงมาลาไปถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นประจำทุกปี


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์